เนื้อหาแบบสุ่ม

วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

บอกลาโคเลสเตอรอล ด้วยอาหาร



ไม่ ว่าใครก็ตามที่กำลังมีปัญหา "โคเลสเตอรอล" สูงฟังทางนี้เลย เพราะเราสามารถลดระดับ "โคเลสเตอรอล" ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดแดงอุดตัน และโรคหัวใจขาดเลือด ได้ง่ายแสนง่าย เพียงแค่เลือกทานอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายเท่านั้น เอ้า...อยากรู้ว่า ควรจะทานอะไร อย่างไรดี จึงจะช่วยป้องกันและลดระดับ "โคเลสเตอรอล" ในเลือดได้ วันนี้เรามีข้อมูลดี ๆ มากระซิบบอกกัน


1. ทาน "โคเลสเตอรอล" ไม่เกินวันละ 200 มิลลิกรัม

ไข่แดงเอย เครื่องในเอย ไขมันสัตว์เอย ล้วนเป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วย "โคเล สเตอรอล" แน่นอนว่า อาหารเหล่านี้เป็นอาหารจานโปรดของใครหลายคน จะให้ห้ามทานเลยอาจดูใจร้ายไปเสียหน่อย แต่หากหลีกเลี่ยงได้ หรือทานในปริมาณที่น้อยเข้าไว้ ไม่เกินวันละ 200 มิลลิกรัม จะดีที่สุด หรือหากใครชอบทานไข่มาก ก็แนะนำให้ทานเฉพาะไข่ขาว เพราะไข่ขาวไม่มีโคเลสเตอรอล ที่จะทำให้ระดับ "โคเลสเตอรอล" สูงขึ้น

2.หลีก เลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง

ไม่ว่าจะเป็น กะทิ ไขมันจากสัตว์ เนื้อสัตว์ติดมัน หรือไขมันทรานส์ ที่มีมากในเนยขาว เนยเทียม ครีมเทียม อาหารฟาสต์ฟู้ด คุ้กกี้ ขนมกรุบกรอบ อาหารเหล่านี้มีกรดไขมันอิ่มตัวสูงทั้งนั้น หากรับประทานเข้าไปมาก ๆ จะทำให้ระดับ "โค เลสเตอรอล" สูงขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย และเมื่อระดับ "โคเลสเตอรอล" สูงขึ้นเมื่อไร โรคหัวใจมาเคาะประตูถามหาถึงหน้าบ้านแน่นอน

3.ทาน อาหารจำพวกเส้นใย หรือไฟเบอร์ให้มาก ๆ

รู้ไหมว่าอาหารที่มีเส้นใย หรือไฟเบอร์มาก ๆ อย่าง ข้าวโอ๊ต ถั่ว แอปเปิ้ล ลูกพรุน มะเขือเทศ กระเจี๊ยบ ฯลฯ เส้นใยในอาหารเหล่านี้ จะไปช่วยดูดซับโคเลสเตอรอลที่ปนอยู่ในน้ำดีในลำไส้ ทำให้สามารถผลักดัน "โคเลสเตอรอล" ออกไปจากร่างกายพร้อมกับอุจจาระได้โดยง่าย

4.ทาน ปลาทะเล

โอเมกา-3 จากปลาทะเล ถือเป็นสุดยอดอาหารช่วยลดไขมัน ไตรกลีเซอไรด์ในเส้นเลือด แถมยังลดโอกาสในการเกิดภาวะเลือดจับตัวกันเป็นลิ่ม หรือที่เรียกว่าอุดตันในเส้นเลือดได้อีก คุณสมบัติเหล่านี้จึงช่วยป้องกันโรคหัวใจได้อย่างดี รู้อย่างนี้แล้วก็อย่ามองข้ามปลาแมคเคอเรล ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ฯลฯ ไปเสียล่ะ

5. ทานอาหารที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงโดยสม่ำเสมอ

อย่าเพิ่งขมวดคิ้วทำหน้าสงสัยว่า การทานอาหารที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงแล้ว จะช่วยลด "โคเลสเตอรอล" ได้อย่างไร เชื่อเถอะว่า หลายคนยังไม่ทราบว่า อาหารที่มีกรดไขมัน ไม่อิ่มตัวสูงนี่แหละ อุดมไปด้วยกรดไขมันจำเป็นอย่างกรดไลโนเลอิค และกรดอัลฟาไลโนเลอิค ซึ่งจะช่วยให้ "โค เลสเตอรอล" มีการเผาผลาญที่ตับมากขึ้น จึงช่วยลดปริมาณ "โคเลสเตอรอลชนิดไม่ดี" หรือ LDL ได้ อย่างดีเยี่ยม ที่สำคัญยังช่วยเพิ่ม "โค เลสเตอรอลชนิดดี" หรือ HDL ไปพร้อม ๆ กันด้วย


ว่า แล้วก็รีบไปหา อาหารที่มี "กรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง" อย่างเช่น น้ำมันถั่วเหลือง, น้ำมันข้าวโพด และน้ำมันทานตะวัน มาทานกันจะดีกว่า เพราะหาซื้อง่าย และราคาไม่แพง จะได้ไม่ต้องจ๊ะเอ๋กับโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดอุดตันยังไงล่ะ!!!

ที่มาจาก kapook.com

วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

6-7-8 สูตรลับน้ำหนักลด



678 I LOVE YOU สูตรลับน้ำหนักลด (Mix Magazine)

ออกกำลังกายตอนไหนดีที่สุด? ออกกำลังกายแล้วทำไมน้ำหนักไม่เห็นลงเลย? อยากผอมวิธีไหนดีที่สุด? ระหว่างวันกินอะไรดีที่ไม่ทำให้น้ำหนักขึ้น?

หลายคนถามคำถามเหล่านี้กับตัวเองเสมอ ๆ บ้างก็ไปหาวิธีมาจนได้ผล บ้างก็ทำครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่ได้ผลสักที MiX ฉบับนี้จะมาหาทางออกให้คุณผู้อ่านกัน ด้วยสูตรนี้ที่เรียกว่า 6-7-8 ซึ่งเป็นสูตรที่ น.พ.บัญชา แดงเนียม คิดขึ้นมา และ น.พ.คณิน ไตรพิพิธสิริวัฒน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านธรรมชาติบำบัด หนึ่งในผู้ดำเนินรายการ Morning Love ทาง FM99 ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ หกโมงถึงเจ็ดโมงเช้า มาแนะนำต่อครับ

6 ตัวแรกก็หมายถึงตัวเลข 6 นาฬิกานั่นล่ะครับ แต่เป็น 6 โมงเช้านะครับไม่ใช่ 6 โมงเย็น ใครที่เคยได้ยินความเชื่อเรื่องที่ว่าตื่นเช้าแล้วจะสุขภาพดีนั้น เป็นเรื่องจริงครับ แต่ถ้านอนดึกตื่นเช้าก็คงไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องสักเท่าไร ต้องนอนเร็ว ตื่นเร็วถึงจะดี

ทุกเช้าที่เราตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่เราควรทำเลยก็คือ ออกกำลังกายครับ ด้วยวิธีใดก็ได้เช่น เดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน เดินในน้ำ ว่ายน้ำ โดยให้ต่อเนื่องกันสักอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงขึ้นไป แต่ต้องเหนื่อยนะครับ โดยต้องเป็นไปตามนิยามที่ว่าให้หัวใจเต้นเร็วอย่างน้อย 70% ของ Maximum Heart Rate

วิธีคำนวณง่าย ๆ ก็คือ นำตัวเลข 220 ตั้งแล้วลบด้วยอายุ สมมติอายุ 30 ปี ก็จะเป็น 220-30 เท่ากับ 190 ก็นำไปคูณกับ 70% ซึ่งเท่ากับ 133 ครั้ง ก็เท่ากับว่าตัวเลขนี้คืออัตราเต้นของหัวใจที่เราจะต้องไปให้ถึงในระหว่างออกกำลังกาย ถ้าไม่ถึงก็เท่ากับว่าไม่ได้ผล แต่ถ้ามากเกินไปก็จะอันตราย เพราะถ้าหากหัวใจเต้นเข้าใกล้หรือเกิน Maximum Heart Rate โอกาสที่จะเกิดอาการหัวใจวายก็เป็นไปได้ครับ

หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าขณะที่เราออกกำลังกายอยู่นั้น หัวใจเราเต้นที่ครั้งต่อนาที นอกจากการนับจังหวะหัวใจที่เต้นแต่ละครั้งแล้ว ปัจจุบันก็มีเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจขณะออกกำลังกายอยู่ด้วย ทำให้สะดวกสบายในการวัดอัตราการเต้นของหัวใจมากครับ หรือถ้าจะใช้แบบภูมิปัญญาชาวบ้านเลยก็ได้ครับ ใช้วิธีวัดระดับความเหนื่อย โดยแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ระดับแรกคือไม่เหนื่อยเลย เดินทอดน่องสบาย ๆ อย่างนี้การออกกำลังกายไม่มีผลแน่นอนครับ ระดับที่สองคือเหนื่อยปานกลาง หรือหายใจหอบ อันนี้ถือว่าใช้ได้ และเหนื่อยระดับที่สามคือเหนื่อยจนพูดไม่ออก อันนี้อันตรายครับ เพราะอาจทำให้เกิดอาการช็อกได้


หลังจากที่ออกกำลังกายไปแล้วในช่วง 6 โมงเช้า ตัวเลขถัดมาก็คือเลข 7 เลขนี้มีความสำคัญไม่แพ้กันครับ เพราะคือช่วงเวลาที่ห้ามดื่ม ห้ามกินอะไรก็ตามที่มีแคลอรี่ อย่างน้อย ๆ หนึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง

ยกตัวอย่างง่าย ๆ คือ น้ำเปล่าดื่มได้ น้ำเกลือแร่ ของหวาน หรืออาหารที่มีพลังงานนั้นห้ามเด็ดขาด เหตุผลที่ห้ามเป็นเพราะว่าหลังจากที่เราออกกำลังกายเสร็จแล้ว ร่างกายจะเข้าสู่ช่วงเผาผลาญไขมัน เพราะช่วงที่เรานอนหลับนั้น ร่างกายเราก็เผาผลาญแป้ง และน้ำตาลไปก่อนหน้านั้นแล้ว ดังนั้นช่วงเช้าแป้งและน้ำตาลก็จะเหลือไม่มาก ร่างกายก็เข้าสู่กระบวนการเผาผลาญไขมัน

แต่เมื่อใดก็ตามที่เรากินหรือดื่มแป้งหรือน้ำตาลเข้าไปแม้แต่คำเดียวก็ตาม ร่างกายจะสลับจากการเผาผลาญไขมันเป็นการเผาผลาญแป้งและน้ำตาลแทน และช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่แป้งและน้ำตาลที่จะเผาผลาญไม่หลงเหลือในร่างกายแล้ว ทำให้ร่างกายเรียกร้องหาแป้งและน้ำตาลเพิ่ม เราก็ต้องบริโภคเพิ่มเข้าไป เรียกได้ว่ากลายเป็นกินเยอะ กินจุมากกว่าปกติ ซึ่งทำให้การลดน้ำหนักไม่ได้ผล

และนี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่หลายคนออกกำลังกายแล้วไม่เห็นผล เพราะออกกำลังกายแล้วก็ไปกิน ถ้าจะให้ได้ผลดีที่สุดต้องหยุดพักสักหนึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ซึ่งก็พอดีกับออกกำลังกาย 6 โมง ช่วง 7 โมงก็พัก อาจจะไปอาบน้ำ แต่งตัว เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการออกไปทำงานหรือทำธุระก็ได้ครับ

หลังจากนั้นพอถึงช่วง 8 โมงเช้า ก็กินอาหารเช้าให้เต็มที่ กินให้เสร็จก่อน 9 โมง เพราะถ้ากินหลัง 9 โมง ร่างกายจะเกิดอาการหิวบ้าเลือด ทำให้กินเยอะ และกินเก่งกว่าปกติ

มื้อเช้าแนะนำให้เป็นข้าวกล้องงอกสัก 1 ทัพพี ที่เหลือเป็นกับข้าว เน้นผักเยอะ ๆ กลางวันก็ข้าวกล้องงอกสักครึ่งทัพพี ที่เหลือก็เป็นกับข้าว เน้นผักเยอะ ๆ เช่นกัน ช่วงเย็นก็งดแป้ง น้ำตาล อาจจะกินเป็นผลไม้สักเล็กน้อย ระหว่างมื้อถ้าหิวก็กินผลไม้ หรือกินอาหารกลุ่มที่เป็นเนื้อสัตว์กับผัก การทำแบบนี้ทุกวัน โอกาสที่น้ำหนักจะลงถึงสัปดาห์ละ 1 กิโลกรัมอย่างต่อเนื่องนั้นเป็นไปได้สูงครับ (ถ้าไม่ทำทุกวัน โอกาสที่จะทำให้น้ำหนักลดลงสัปดาห์ละ 1 กิโลกรัมก็ลดลง)

อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมต้องเป็น 6-7-8 เป็นช่วงเวลาอื่น ๆ ได้ไหม อย่างแรกเลยก็คือ อาหารเช้าเราต้องกินก่อนเก้าโมงเช้าอยู่แล้ว ถ้าจะเป็น 7-8-9 ก็อาจจะไม่ทัน หรือถ้าเปลี่ยนเป็นช่วงเวลาเย็น ๆ การออกกำลังกายในเวลาเย็นนั้น ผลที่ได้รับจะน้อยกว่าการออกกำลังกายในช่วงเช้า เพราะช่วงเวลาที่เรานอนหลับนั้น ร่างกายเราจะเผาผลาญแป้งและน้ำตาลที่กินเข้าไปอย่างที่บอกในข้างต้น

ดังนั้นพอออกกำลังกายตอนเช้า ร่างกายก็จะเผาผลาญไขมันให้ แต่ถ้าเราออกกำลังกายตอนเย็น ร่างกายก็จะต้องเผาผลาญอาหารมื้อเช้าและมื้อกลางวันให้หมดก่อน แล้วค่อยมาเผาผลาญไขมัน ดังนั้นถ้าเราอยากให้น้ำหนักลงและสุขภาพดี เราต้องบังคับให้ร่างกายเผาผลาญไขมันออกไป เช่นนั้นการใช้สูตร 6-7-8 จึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของวัน

สำหรับผลข้างเคียงของการใช้วิธีการนี้ในการดูแลและควบคุมน้ำหนักนั้น มีอยู่อย่างเดียวครับ คือ คุณต้องเปลี่ยนไซส์ของเสื้อผ้าให้มีขนาดเล็กลงเพื่อรับกับร่างกายที่ผอมลงและแข็งแรงขึ้นครับ

วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ลดความอ้วน 42 วันเห็นผล รับประกันหุ่นเฟิร์ม



เฮ้อ ช่วงนี้หายใจไม่ค่อยจะทั่วท้องเลย ไม่ใช่เพราะเครียดหรือไปทำอะไรไม่ดีไว้หรอกนะคะ แต่เป็นเพราะรอบเอวที่เพิ่มขึ้นมาน่ะสิ แหม...ก็แค่ไปปาร์ตี้ปีใหม่กับเพื่อน ๆ ไม่กี่ครั้ง เผลอแป๊บเดียว ขยายใกล้จะถึงสามสิบแล้ว (ว้าก)

หากสาว ๆ คนไหน กำลังเสียจริตเหมือนอย่างข้างต้นนี้ อย่าเพิ่งวิตกกังวลไปค่ะ เพราะ WP มีวิธีกำจัดไขมันส่วนเกิน มาฝากกัน

Trick 1 : 7 วัน (แห่งการต่อสู้)

สัปดาห์แรกถือว่าเป็นสัปดาห์ที่หินมาก ๆ สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นลดน้ำหนัก เพราะคุณจะรู้สึกหิวอยู่ตลอดเวลา เห็นอะไรก็เผลอที่จะหยิบใส่ปากไม่ได้

WP Guide : วิธีที่ดี ที่สุดในการหยุดพฤติกรรมอันน่าเสี่ยงนี้ก็คือ ให้มุ่งความสนใจไปที่มื้อเช้า โดยพยายามกินมื้อเช้าให้เยอะเข้าไว้ เพราะนอกจากจะทำให้ท้องอิ่มได้นานแล้ว ยังช่วยให้แคลอรี่กับร่างกายไปใช้อีกตั้ง 350 แคลอรี่เชียวแน่ะ

Trick 2 : 14 วัน (แห่งการหงุดหงิด)

ระยะนี้คุณจะรู้สึกหงุดหงิดเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะขยับตัวไปทำอะไร ก็พานจะอารมณ์บ่จอยไปซะหมด ทั้งนี้เนื่องมาจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารของคุณ จากที่เคยกินอย่างพระราชา กลับกลายเป็นว่า ไอ้นั่นก็แตะไม่ได้ ไอ้นี่ก็แคลอรี่เยอะ จึงทำให้เกิดความเครียดและความกดดันตามมา จนคุณอาจรู้สึกหมดกำลังใจ ถึงขั้นหันหลังให้กับการไดเอ็ทไปตลอดชีวิตก็เป็นได้

WP Guide : วิธีที่จะ รับมือกับพายุอารมณ์ในช่วงนี้ก็คือ ให้เบี่ยงเบนความสนใจด้วยการหันหน้าเข้าหาเพื่อน ๆ พูดคุยปรึกษากันซะหน่อย ไม่แน่นะ คุณอาจจะปิ๊งไอเดียเจ๋ง ๆ ที่จะนำมาใช้ในการลดน้ำหนักต่อไปก็ได้

Trick 3 : 21 วัน (แห่งความอยาก)

ช่วงนี้คุณจะรู้สึกอยากกินอาหารมากขึ้น เพราะอยู่ในช่วงที่มีประจำเดือนพอดี เห็นอะไรก็อยากไปซะหมด

WP Guide : วิธีแก้ก็ คือ ลองเปลี่ยนจากกินอาหารวันละ 3 มื้อ (เช้า กลางวัน เย็น) ไปเป็นแบ่งกินเป็นมื้อย่อย ๆ ประมาณ 4-6 มื้อดูสิคะ วิธีนี้จะช่วยให้ระดับน้ำตาลคงที่ สามารถขจัดความเหนื่อยล้า และช่วยทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นด้วยค่ะ

Trick 4 : ครบ 42 วัน น้ำหนักยังไม่ลด

หลังจาก 6 สัปดาห์ผ่านไป คุณจะรู้สึกว่าร่างกายเฟิร์มมากขึ้น มีกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น แต่ทำไม๊ ทำไม น้ำหนักยังไม่ลดลงซักที

WP Guide : WP ขอบอกว่าที่เป็นอย่างนี้ ก็เพราะปกติกล้ามเนื้อจะมีน้ำหนักมากกว่าไขมันอยู่แล้ว เพราะ 70% ของกล้ามเนื้อเป็นน้ำ ในขณะที่ไขมันมีน้ำแค่ 20% เท่านั้นเอง ฉะนั้น อย่าเพิ่งด่วนถอดใจไปซะก่อนค่ะ ให้คอนตินิวลดน้ำหนักอย่างนี้ต่อไปแหล่ะ และท่องเอาไว้ว่า ยิ่งมีกล้ามเนื้อมาก ก็ยิ่งเผาผลาญแคลอรี่ได้มาก แต่ถ้าคุณเกิดหมดแรงฮึดขึ้นมาจริง ๆ ให้นำยีนส์ตัวเก่งที่เคยใส่ไม่ได้แล้วมาลองสวมดูสิคะ หรืออาจจะส่องกระจกสำรวจดูตัวเองว่าไขมันตรงไหนลดไปบ้าง อาจจะช่วยเรียกกำลังใจกลับคืนมาได้นะ

เอ้า...ได้เคล็ดลับดี ๆ ไปแล้ว ก็อย่าลืมนำไปใช้กันนะคะ จะได้อวดหุ่นสวยให้ใคร ๆ ได้เห็นเร็ว ๆ ไงล่ะ

Diet Tips

สำหรับสาว ๆ ที่ตอนนี้กำลังหิวจนตาลายและเริ่มที่จะคว้าเค้กก้อนโตมากิน หยุดก่อนค่ะ คุณลองหันมากินผลไม้ข้างล่างนี้แก้หิวกันดูมั้ยคะ รับรองว่าเวิร์กกว่าเป็นไหน ๆ

แอปเปิ้ล

มีเพคตินช่วยลดความอยากอาหาร ลดน้ำหนัก และลดคอเลสเตอรอล ทานแอปเปิ้ล 1 ลูก จะช่วยลดความหิวได้ ถ้าทาน 2-3 ผลต่อวัน จะช่วยลดปริมาณโคเลสเตอรอลในกระแสเลือดได้

ถั่ว

ไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ที่พบมากในถั่ว จะช่วยเคลือบผิวกระเพาะ ทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว และอิ่มนานลดความอยากอาหารได้ดีเลยล่ะ

มะนาว

น้ำมะนาวคั้นสด ๆ 1 แก้ว ให้พลังงานเพียง 9 กิโลแคลอรี แถมยังมีวิตามินซีสูงมาก ช่วยป้องกันการเป็นหวัด ขับเสมหะ และแก้ไอได้ดีอีกด้วย

ส้ม

ควรรับประทานส้มโดยไม่คายกาก จะช่วยคุมน้ำหนักได้อีกวิธีหนึ่ง เพราะจะทำให้รู้สึกอิ่มท้องเร็ว

ข้อมูลจาก womanplusonline.com

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

8 ความลับของสาวผอมเพรียว



เราทุกคนคงต่างก็มีเพื่อนรูปร่างผอมบางกัน อย่างน้อยก็คนหนึ่งที่ดูเหมือนจะไม่เคยอ้วนขึ้นเลยสักที นั่นเพราะผลจากงานวิจัยแสดงให้เห็นว่าคนที่มีรูปร่างผอมบางมักไม่ได้คิดถึง เรื่องอาหารแบบเดียวกับคนอื่นๆ พวกเธอจะผ่อนคลายกับการกิน ขณะที่คนซึ่งน้ำหนักเกินส่วนใหญ่มักจะหมกหนุ่มกับเรื่องการกินมากกว่า ลองมาแอบดูว่าคนผอมๆ ทำหรือไม่ทำอะไร แล้วคุณจะเลียนแบบพวกเธอได้ยังไงบ้าง

1. พวกเธอเลือกอาหารที่ทำให้พึงพอใจมากกว่าอิ่มจนแน่นท้อง

ใน อัตราส่วนความอิ่มจาก 1 ถึง 10 ผู้หญิงรูปร่างผอมจะหยุดกินเมื่อถึงระดับ 6 หรือ 7 ขณะที่คนส่วนมากมักกินต่อไปจนถึงระดับ 8 หรือ 10 มันอาจเพราะคุณสำคัญผิดระหว่างความอิ่มกับความพึงพอใจ หรือคุณอาจเคยชินกับการกินทุกอย่างตรงหน้าจนหมดเกลี้ยงไม่ว่าคุณจะต้องการ มันจริงๆ หรือไม่ก็ตาม

วิธีเลียนแบบ เพื่อกินแบบเดียวกับผู้มีรูปร่างผอม วางช้อนลง และประเมินความอิ่มจากอัตราส่วน 1 ถึง 10 ทำแบบเดียวกันอีกครั้ง เมื่อเหลือสักห้าคำ เป้าหมายก็คือเพิ่มความรู้ตัวถึงความพึงพอใจของตัวเองในระหว่างการกิน (มันยังทำให้คุณกินช้าลงซึ่งให้โอกาสความอิ่มส่งสัญญาณเข้ามา)

2 . พวกเธอรู้ว่าความหิวไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน

คน ส่วนใหญ่ที่ดิ้นรนกับเรื่องน้ำหนักตัวมักมองความหิวเป็นสิ่งที่ต้องจัดการ อย่างเร่งด่วน ดังนั้น ถ้าคุณกลัวความหิว คุณอาจกินมากเกินไปอยู่เสมอ แต่คนผอมๆ จะทนได้มากกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงมัน

วิธีเลียนแบบ เลือกวันที่ยุ่งๆ เพื่อชะลอเวลาอาหารกลางวันออกไปอย่างจงใจสักหนึ่งหรือสองชั่วโมง หรือลองพยายามงดของว่างมื้อบ่ายสักหนึ่งวัน คุณจะเห็นได้ว่าตัวเองก็ยังสบายดีอยู่ จากนั้น ครั้งต่อไปที่คุณได้ยินเสียงท้องร้อง คุณจะหยุดตัวเองไม่ให้ตรงดิ่งไปยังตู้เย็นในทันทีได้

3. พวกเธอไม่ใช้อาหารเพื่อเยียวยาอารมณ์เศร้า

ไม่ใช่ว่าผู้หญิงรูปร่างผอมบางมีภูมิด้านทานต่อการกินตามอารมณ์ แต่พวกเธอมักจะรู้ตัว เวลาที่ทำอย่างนั้นและหยุดมันได้

วิธี เลียนแบบ ถ้าคุณหิวจริงๆ กินของว่างที่มีประโยชน์ อย่างเช่นถั่วหนึ่งกำมือ เพื่อหยุดตัวเองเอาไว้ ก่อนรออาหารมื้อต่อไป แต่ถ้า คุณหงุดหงิด เหงา หรือเหนื่อย ลองหาทางออกที่ปราศจากแคลอรี่ เช่น ออกไปวิ่งหรือกระโดดโลดเต้นไปมารอบๆ อัตราการเต้นของหัวใจที่เพิ่มขึ้นจะช่วยให้ความโกรธหายไป เหงาก็โทรหาเพื่อน หรือไปเดินเล่นที่ศูนย์การค้าหรือถ้าเหนื่อยก็ไปนอนเสียดีกว่า

4. พวกเธอกินผลไม้มากกว่า

งาน วิจัยเมื่อปี 2006 ใน Journal of the American Dieletic Association ระบุว่า โดยเฉลี่ยแล้วผู้หญิงรูปร่างผอมบาง มักกินผลไม้มากกว่าหนึ่งครั้งในแต่ละวัน กินเส้นใยอาหารมากกว่าและกินไขมันน้อยกว่าเมื่อเทียบกับคนอ้วน

วิธี เลียนแบบ ลองเริ่มสำรวจการกินของคุณเพื่อหาทางเพิ่มผลไม้ (ไม่ใช่น้ำผลไม้นะ) เข้าไป ตั้งเป้ากินให้ได้สองหรือสามส่วนต่อวัน เช่น เพิ่มผลไม้ลงไปในอาหารแต่ละมื้อ หรือกินผลไม้เป็นของหวาน

5. พวกเธอสร้างความเคยชิน

การ กินอาหารหลากหลายเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าหลากหลายมากเกินไปก็อาจส่งผลเสียได้ งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าการกินอาหารที่มีรสชาติแตกต่างกันมากเกินไปทำให้คุณ ยิ่งกินมากขึ้น คนผอมมักจะมีรูปแบบของการกินที่วางแผนมาแล้วอย่างดี มีของแปลกๆ เพิ่มเข้ามา 2-3 อย่าง แต่ส่วนใหญ่อาหารของพวกเธอจะคาดเดาได้

วิธี เลียนแบบ ลองกินอาหารหลักๆ ซ้ำกันในแต่ละมื้อ เช่น กินซีเรียลตอนเช้า กินสลัดตอนกลางวัน กินปลาตอนเย็น เป็นต้น มันโอ.เค. ที่จะเพิ่มทูน่าหรือไก่ย่าง เข้าไปกับสลัดผักในบางวัน แต่การกินกับอาหารหลักๆ ที่เดาได้ คุณจะจำกัดโอกาสที่จะกินมากเกินไปได้

6. พวกเธอรู้จักการควบคุมตัวเอง

งาน วิจัยที่มหาวิทยาลัย Tufts พบว่า ปัจจัยที่ทำนายได้ถึงการมีน้ำหนักขึ้นของผู้หญิงในวัย 50 และ 60 คือระดับของความยับยั้งชั่งใจ ผู้หญิงที่มีความยับยั้งชั่งใจสูงจะมีดัชนิมวลกายต่ำกว่า

วิธีเลียน แบบ เตรียมพร้อมสำหรับช่วงเวลาที่คุณมักจะขาดความยับยั้งชั่งใจอย่างมาก เช่น ท่ามกลางบรรยากาศการเฉลิมฉลองหรือเวลาอยู่กับเพื่อน ถ้าคุณชอบกินตอนงานเลี้ยง บอกตัวเองว่าคุณจะกินของว่างแค่หนึ่งชิ้นในรอบที่สี่ ซึ่งมันถูกส่งผ่านมา ถ้าคุณกินมื้อค่ำนอกบ้านลองสั่งอาหารมาแบ่งกันกับเพื่อน หรือถ้าคุณเครียด ก็ให้แน่ใจว่าคุณมีของว่างที่เคี้ยวได้ (อย่างเช่น ผลไม้หรือแครอตแท่ง) เอาไว้ใกล้มือ

7. พวกเธอชอบเคลื่อนไหว

โดย เฉลี่ยผู้หญิงรูปร่างผอมจะยืนมากกว่า 2 ชั่วโมงครึ่งในแต่ละวัน ที่สามารถช่วยเผาผลาญได้ 33 ปอนด์ต่อปี นี่เป็นผลจากการศึกษาของลินิกเมโย ในเมืองโรเชลเตอร์ สหรัฐฯ

วิธีเลียนแบบ การศึกษาแสดงให้เห็นว่าคนเรามักประเมินความแอ็คทีฟของตัวเองเกินจริง คนส่วนใหญ่มักใช้เวลา 16-20 ชม. ในแต่ละวันไปกับการนั่ง ใส่เครื่องนับก้าวเพื่อดูว่าคุณเข้าใกล้จำนวน 10,000 ก้าวแค่ไหน และในแต่ละวันคุณควรออกกำลัง 30 นาที รวมกับการเคลื่อนไหวอื่นๆ เช่น การเดินขึ้นบันได

8. พวกเธอนอนหลับสนิท

ผู้หญิง ที่ผอมบางมักนอนมากกว่า 2 ชม. ต่อสัปดาห์ เมื่อเทียบกับคนน้ำหนักเกิน งานวิจัยของโรงเรียนแพทย์อีสเทิร์นเวอร์จิเนียบอกเช่นนั้น นักวิจัยเชื่อว่าการนอนน้อยทำให้ระดับของฮอร์โมนที่ช่วยกดความอยากอาหาร (Lepfin) ต่ำลง และระดับของฮอร์โมนที่เพิ่มความอยากอาหาร (Ghrelin) สูงขึ้น

วิธี เลียนแบบ ลองชั่วโมงต่อสัปดาห์ก็คือประมาณ 17 นาที/ต่อวัน ซึ่งสามารถทำได้ง่ายกว่ามาก แม้คุณจะงานยุ่งเพียงใดก็ตาม เริ่มต้นตรงนั้นและค่อยๆ เพิ่มเวลานอนให้ได้วันละ 8 ชม. ในแต่ละคืน ซึ่งเป็นปริมาณที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ใหญ่ส่วนมาก

ขอขอบคุณข้อมูลจาก LISA

วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

6 อาหารช่วยเผาผลาญไขมัน



กาแฟ
คาเฟอีนจะช่วยกระตุ้นเอ็นไซม์ ซึ่งมีหน้าที่เผาพลาญไขมัน ดังนั้นจึงควรจะดื่มกาแฟเป็นประจำ แต่ไม่ควรดื่มมาก แค่มื้อเช้าหนึ่งแก้ว หลังอาหารเที่ยงดื่มอีกหนึ่งแก้วก็พอแล้วค่ะ

ชาเขียว
มีการยืนยันว่าการดื่มชาเขียวเป็นประจำ ในปริมาณวันละ 4 แก้ว สามารถช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมันได้ และดีต่อสุขภาพ

สาหร่าย และชาสาหร่าย
ออกฤทธิ์เช่นเดียวกับกรดแอสพาราจีน คือขับน้ำและของเสียออกจากร่างกาย ส่วนการเผาผลาญไขมันนั้น ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าสามารถเผาผลาญได้จริงหรือไม่

ไวน์แดง
หากดื่มในปริมาณน้อย สารบางอย่างในไวน์แดงก็อาจจะช่วยขัดขวางการดูดซึมไขมันได้บ้าง แต่ก็ไม่ควร ดื่มมากเกินไป เพราะไวน์แค่ครึ่งแก้วสามารถให้พลังงานได้ถึง 72 แคลอรี

หน่อไม้ ฝรั่ง
กรดแอสพาราจีนในหน่อไม้ช่วยทำให้ผอมได้ แต่กรดเหล่านี้เพียงช่วยขับน้ำออกมาเท่านั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเผาพลาญไขมันแต่อย่างใด

พริก
ในพริกมีสารรสเผ็ดร้อนที่ชื่อแคปไซซิน ช่วยเพิ่มความร้อนในร่างกาย สามารถช่วยเผาผลาญไขมัน ฉะนั้นใครที่ชอบกินเผ็ด ก็เหยาะพริกป่นลงไปหน่อย หรือรับประทานพริกสดที่ซอยบาง ๆ ร่วมกับอาหารอื่น ๆ ด้วยก็ดีค่ะ

ขอขอบคุณที่มาจาก womanstoryonline.com

วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เคล็ดไม่ลับ 5 วิธี หน้าท้องแบนเรียบ



ปัญหามีหน้าท้องที่ไม่พึง ประสงค์ สาวๆหลายคนใฝ่ฝันอยากจะมีหน้าท้องที่แบนเรียบ เพื่อเวลาที่ใส่เสื้อผ้าจะได้ดูดีไม่ต้องกังวลใจว่าใส่แล้วจะมีส่วนที่ไม่ พึงประสงค์ยื่นออกมา มีเคล็ด(ไม่)ลับ ของนางแบบสาว ซ่าร่า เล็กจ์ มาฝากสาวๆ ให้มีหน้าท้องที่แบนเรียบ สุขภาพดี แถม ฟิตแอนด์เฟิร์ม อีกต่างหาก

1. เต้น เพราะ การเต้นนานถึงหนึ่งชั่วโมงจะสามารถเผาผลาญแคลลอรี่ ได้ถึง 400 แคลลอรี่ ที่เด็ดสุดคือจะช่วยให้เรามีรูปร่าง เอวเป็นเอวมากขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าไม่ชอบแอบเต้นอยู่ในห้องคนเดียว ก็รีบไปหาลงคอร์สเต้นเลยดีกว่า และขอแนะนำ คอร์ส belly dance ตรงจุดกันไปเลย

2. เปลี่ยนเก้าอี้ที่ชอบใช้นั่งดูทีวีเป็นลูกบอลลูกโตที่เค้าใช้เล่นกันในฟิตเนสกัน เพราะเวลาที่เราต้องนั่งอยู่บนลูกบอลให้ได้ ต้องบังคับการทรงตัวและเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณท้องไปโดยอัตโนมัติด้วย

3. Sit-up หลาย คนอาจได้ยินจนเบื่อแล้ว แต่ยังไงก็เป็นท่าที่ดีสุดของการจะมีหน้าท้องแบนเรียบ อาจไม่เห็นผลทันทีที่ทำแต่ได้ผลแน่นอนหากทำอย่างต่อเนื่อง ควรทำอย่างต่ำวันละ 10-15 ครั้ง และท่าที่ดีคือให้เอามือจับติ่งหูตอน sit up

4. พอเราทำ sits up มาได้สักระยะหนึ่ง จนเริ่มอยู่ตัวแล้ว ลองเพิ่มการบิดข้าง ปกติแล้วเราจะยกตัวขึ้นตรงไปที่หัวเข่า แต่ทีนี้เวลาขึ้นให้บิดตัวไปทางซ้ายทีและลง ขึ้นมาบิดทางขวาอีกที วันละ 10-15 ครั้ง รับรองว่า curve เอวของคุณจะชัดขึ้น

5. แขม่วหน้าท้อง ขอบอกเลยว่าวิธีนี้สาวซ่าร่าทำประจำจนติดนิสัย ไม่ว่าจะเดินไปเรียน ไปมหาวิทยาลัย หรือทำอะไรก็ตาม ก็สามารถทำได้ นอกจากได้เดินออกกำลังกายแล้ว หน้าท้องเราก็ได้ด้วยเช่นกัน คอนเฟิร์มว่าเวิร์ก

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก DRAMA.ZUBZIP.COM

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ผอมเกินไปก็ไม่ดีนะ



บางคนซีเรียสกับน้ำหนักตัวจนเกินไป ถึงกับต้องล้วงคอเพื่อให้อาเจียนเอาอาหารที่เพิ่งทานเข้าไปออกมา ขณะที่บางรายถึงกับจำกัดอาหาร ลดปริมาณให้น้อยที่สุด ลดจำนวนมื้อ เลือกกินอาหารเพียงบางหมวดหมู่ เพราะไม่ต้องการให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากทุกครั้งที่ส่องกระจกจะรู้สึกว่า ตัวเองอ้วนเกินไป ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว คนๆนั้นมีรูปร่างที่พอดีหรือผอมไปด้วยซ้ำ การที่ร่างกายผอมเกินไปจะส่งผลเสียต่อร่างกาย 10 ระบบด้วยกันค่ะ

1.ระบบประสาทและสมอง’ ความกังวลเรื่องน้ำหนัก ยังทำให้เป็นโรคซึมเศร้า หงุดหงิดและฉุนเฉียวง่าย ร่างกายอ่อนแอ จนเป็นลด หน้ามืด
2.เส้นผม’ คนผอมแล้วยังพยายามลดหุ่น เส้นผมจะเปราะขาดง่ายและไม่แข็งแรง เพราะขาดวิตามินและโปรตีน
3.ระบบหัวใจ’ หัวใจเต้นช้าหรือเร็วผิดปกติ เสี่ยงหัวใจวาย และความดันโลหิตต่ำ
4.ระบบเลือด’ การขาดสารอาหารในคนผอมมีผลให้โลหิตจาง
5.ระบบกล้ามเนื้อ กระดูกและข้อ’ กล้ามเนื้อจะอ่อนแรง กระดูกพรุน และกระดูกหักง่าย
6.ระบบไต’ ทำให้เกิดอาการไตวาย และนิ่วในไต
7.ระบบสารอาหารและสารน้ำในร่างกาย’ จะขาดเกลือแร่หลายชนิด อาทิ โซเดียม โปแตสเซียม และแมกนีเซียม
8.ระบบทางเดินอาหาร’ มักแปรปรวนให้ผู้นั้นมีอาการท้องอืด และท้องผูกบ่อยๆ
9.ระบบฮอร์โมนและต่อมไร้ท่อ’ เมื่อขาดสารอาหารจะทำให้ขาดฮอร์โมนเพศ โดยเฉพาะในเพศหญิง ประจำเดือนจะน้อยลงหรือขาดประจำเดือน มีบุตรยาก หากตั้งครรภ์ก็เสี่ยงแท้งบุตรง่าย บุตรน้ำหนักตัวน้อย กระดูกบาง ขาดโกรทฮอร์โมน ทำให้ร่างกายเติบช้า และอ่อนเพลีย
10.ผิวหนัง’ โดยสภาพผิวจะแห้งและบาง พบจ้ำเลือดได้ง่าย รวมถึงผิวเหลืองซีด ขี้หนาว เล็บเปราะบางแตกง่าย

อยากให้ทุกคนใส่ใจสุขภาพด้วยนะคะ ^^

วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ลดน้ำหนัก แต่กลับเพิ่ม แก้ไขยังไงดี?



ลดน้ำหนัก แต่กลับเพิ่ม แก้ไขยังไงดี? (Lisa)

ถ้าคุณกำลังไดเอ็ต คุณอาจมีเทคนิคลดแคลอรีมากมาย แต่หารู้ไม่ว่าวิธีลดน้ำหนักบางอย่างกลับกลายเป็นตัวเร่งให้น้ำหนักเพิ่มเร็วขึ้น ลองถามตัวเองสิ ว่าคุณน้ำหนักเพิ่มในกรณีเหล่านี้รึเปล่า? เรามีคำตอบและทางแก้มาให้ด้วย

1.กินน้อยกว่าแมวดม

Truth : การลดแคลอรีจำนวนมากเหมือนจะช่วยลดน้ำหนักได้ แต่มีโอกาสสูงที่น้ำหนักจะกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ความจริงคือคุณไม่ควรลดเหลือต่ำกว่า 1,200-1,500 แคลอรีต่อวัน และหากคุณจำกัดอาหารมาก ๆ นานกว่าสองสัปดาห์ ระบบเผาผลาญของร่างกายจะช้าลง การอดอาหารเท่าเดิมจึงมีปริมาณน้ำหนักที่ลดน้อยลงเรื่อย ๆ นอกจากนี้ คุณอาจสูญเสียกล้ามเนื้อพร้อมกับไขมัน โดยเฉพาะถ้าคุณไม่ได้ออกกำลังกาย

Smart Move : ถ้าคุณอยากลดน้ำหนักสัก 5 กิโลฯ (ประมาณ 10 ปอนด์) ก็ให้ใช้เวลาทั้งหมด 10 สัปดาห์ คุณจะมีโอกาสลดน้ำหนักได้อย่างถาวร โดยการลดครึ่งกิโลฯ ต่อสัปดาห์ คุณอาจจะลดแคลอรี 250 แคลอรีต่อวัน และออกกำลังกายอีก 250 แคลอรีต่อวันด้วย

2.กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เพราะมันมีแคลอรีต่ำ

Truth : คนเรามักจะประเมินแคลอรีจากอาหารที่ดีต่อสุขภาพไม่ถูกความจริงคือ การที่อาหารนั้นดีต่อสุขภาพไม่ได้หมายความว่าคุณจะกินมากได้ เช่น ถั่วหยิบมือหนึ่งอาจมีพลังงานสูงถึง 200 แคลอรีหรือมากกว่า และหากไม่ลดอาหารอย่างอื่น มันอาจเป็นสาเหตุว่าทำไมน้ำหนักถึงไม่ลดสักที

Smart Move : นับแคลอรีทุกเม็ด เมื่อคุณเรียนรู้ว่าซีเรียลครึ่งถ้วยอาจมีแคลอรีสูงถึง 200 แคลอรี หรือน้ำส้มแก้วละ 220 แคลอรี คุณจะระมัดระวังในการกินเอง

3.ตอนกลางวันไม่หิว เลยมากินตอนเย็น

Truth : การอดอาหารในช่วงวันเพื่อกินในมื้อเย็นจะทำให้ฮอร์โมนแห่งความหิว "เกรห์ลิน" ปั่นป่วน คุณจะหิวมากขึ้น และกินในปริมาณเท่าเดิมหรือมากกว่าการกินอาหารปกติสามมื้อ พอเช้าวันรุ่งขึ้น คุณจะไม่หิว แต่ก็จะท้องกิ่วอีกทีในตอนเย็นกลายเป็นวงจรอุบาทว์

Smart Move : เริ่มมื้อเช้าที่ประมาณ 450 แคลอรี ซึ่งเป็นปริมาณที่ควรจะทำให้คุณอิ่มจนถึงมื้อกลางวัน แต่อย่ากินมื้อใดมื้อหนึ่งห่างกันเกิน 5 ชั่วโมง แล้วปิดท้ายด้วยอาหารมื้อเย็นซึ่งควรจะน้อยกว่ามื้อเที่ยงครึ่งหนึ่ง

4.คุณกินเยอะเพราะอาหารนั้น "ไขมันต่ำ" และ "ปราศจากน้ำตาล"

Truth : การศึกษามากมายชี้ว่า เมื่ออาหารนั้นมีฉลากว่าไขมันต่ำ เรามักจะกินมากขึ้น โดยการทดลองจากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์พบว่า เมื่อให้อาสาสมัครกิน M&M ที่มีฉลากว่า "ไขมันต่ำ" คนจะกินมากขึ้นถึง 28% จริง ๆ แล้ว "ไม่มีไขมัน" ไม่ได้หมายความว่าแคลอรีน้อยลง แต่คนส่วนใหญ่จะเข้าใจกันไปเองแล้วกินมากขึ้น

Smart Move : เช็กฉลากอาหาร และดูที่หน่วยบริโภคต่อแคลอรีให้ดี ในเทคนิคเดียวกันนี้ ต่อให้คุณกินอาหารไขมันเต็ม คุณก็สามารถลดน้ำหนักได้

5.คุณตั้งเป้าหมายลดน้ำหนัก แค่ชั่วประเดี๋ยว

Truth : มีการประเมินว่า เพียงร้อยละ 20 เท่านั้นที่ลดน้ำหนักได้สำเร็จ และรักษาระดับนั้นไว้ได้มากกว่าหนึ่งปี นั่นเป็นเพราะเมื่อเราบรรลุเป้าหมาย นิสัยการกินเก่า ๆ จะกลับมา คนที่จะลดน้ำหนักในระยะยาวได้จริง ๆ จะกินอาหารในปริมาณเท่าเดิมกับตอนลดน้ำหนัก

Smart Move : คิดเสียว่าการกินเป็นการลงทุนระยะยาว ไม่ใช่การ "ไดเอ็ต" ที่มีจุดเริ่มต้นและจุดจบกุญแจสำคัญคือการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ๆ ที่คุณสามารถเปลี่ยนให้เป็นนิสัยในระยะยาว เช่น ถ้าคุณมักกินโอรีโอวันละซอง ลองเปลี่ยนเป็นวันละชิ้น แล้วค่อย ๆ เลิกเมื่อคุณสามารถทำได้แล้วก็มุ่งสู่เป้าหมายต่อไป

Size Matters

กระเพาะอาหารมีขนาดเท่า ๆ กับกำปั้นของเราเองนะ นั่นหมายความว่ามันต้องการแค่อาหารหยิบมือเดียว เพื่อให้อิ่ม ถ้าคุณกินแล้วรู้สึกท้องอืด เหนื่อย อ่อนเพลีย คุณก็กินมากเกินไปแล้วล่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://lisaguru.com/

วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

6 สุดยอดเครื่องดื่มสลายหน้าท้อง



"น้ำ" ที่ทำให้หน้าท้องของเราแบนเรียบ ใช่ว่าจะต้องมีรสชาติไม่น่าอภิรมย์เสมอไป ลองกินน้ำเหล่านี้ดูแล้วคุณจะติดใจ!

1.ชามินต์ใส่น้ำแข็ง

รสเย็นของมิ้นต์จะช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก มิ้นต์ช่วยให้ระบบย่อยอาหารของเราย่อยสลายไขมัน แม้แต่อาหารไขมันสูงอย่างเบอร์เกอร์ หรือสเต็กก็จะถูกย่อยอย่างรวดเร็ว และลดอาการท้องอืดได้ด้วย

2.ชาเขียว

นอกจากลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งและโรคหัวใจ ชาเขียวยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสุดยอดตัวหนึ่งชื่อว่า "คาเตชิน" ซึ่งช่วยลดไขมันบริเวณหน้าท้อง ถ้าคุณจิบชาเขียวก่อนออกกำลัง มันจะช่วยเพิ่มอัตราเผาผลาญในระหว่างออกกำลังกายด้วย

3.น้ำเปล่าเสริมรส

การทำให้ร่างกายชุ่มชื้นอยู่เสมอมีความสำคัญมาก หากคุณต้องการจะลดน้ำหนัก การดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยรักษาสมดุลของของเหลวในร่างกาย ช่วยลดอาการบวมน้ำ (ที่เป็นสาเหตุให้ท้องอืดป่องขึ้นมา) และแถมยังช่วยให้คุณรู้สึกอิ่ม จึงทำให้กินน้อยลง แต่ถ้าคุณไม่ชอบดื่มน้ำเปล่า ลองใส่สมุนไพรสด มะนาว ผลไม้ (หรือแม้แต่แตงกวาฝานก็ช่วยได้) เพื่อช่วยให้คุณดื่มน้ำมากขึ้น

4.เฟลปเป้สับปะรด

สับปะรดมีสารที่เรียกว่าโบรมีเลน ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ช่วยย่อยโปรตีน ทำให้การย่อยอาหารง่ายขึ้น ช่วยลดอาการท้องอืด นอกจากนี้ การใส่น้ำมันเมล็ดแฟล็กซ์ ซึ่งมีไขมันโมเลกุลเดี่ยวไม่อิ่มตัวก็จะช่วยให้หน้าท้องแบนราบได้ด้วย

5.สมูธตี้แตงโม

ตราบใดที่คุณไม่ใส่น้ำตาลเพิ่มในสมูธตี้ เครื่องดื่มชนิดนี้จะช่วยให้ร่างกายคุณชุ่มชื้นได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะสมูธตี้แตงโมที่มีแคลอรีต่ำเพียง 56 แคลอรีต่อแก้ว ไม่เพียงแต่แตงโมจะมีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่มาก มันยังมีสารอาหารมากมายรวมถึงไลโคปีนที่ช่วยต้านมะเร็ง รวมถึงกรดอะมิโน ชื่อว่าอาร์จินีน ซึ่งการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Nutrition ชี้ว่ามันช่วยสร้างมวลกล้ามเนื้อเรียว จึงช่วยให้หน้าท้องของคุณแฟบลงหน่อยนั่นเอง

6.ดาร์กช็อกโกแลตเชค

ขัดกับความเชื่อที่ว่ากันว่า ช็อกโกแลตผสมกับนมจะนำมาซึ่งความอ้วน เพราะดาร์กช็อกโกแลตสามารถช่วยให้คุณผอมได้โดยการลดความอยากอาหารอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่แก้วหนึ่งอาจมีถึง 400 แคลอรี คุณอาจจะต้องเตือนใจไว้ว่าช็อกโกแลตเชคถือเป็นมื้ออาหารมากกว่าที่จะเป็นของว่างในวันที่คุณรีบ มันจึงเป็นอาหารเช้าที่ดีเชียวล่ะ!

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://lisaguru.com/

วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ขนม ของว่าง ที่กินแล้วไม่อ้วน


คุณผู้หญิงไม่ต้องกังวลในการกินของโปรด ของอย่างพวกขนม ของว่างยามบ่ายๆ แล้วเพราะเราคัดสรรเลือกมาให้สาวๆได้ทานกันค่ะ 

ขนม ของว่างแสนโปรด มักจะมาคู่กับผู้หญิงค่ะ ไม่แปลกที่เมื่อมีเวลาว่าง ไม่ว่าจะดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ หรือทำกิจกรรมอะไรก็แล้วแต่ แล้วเกิดความรู้สึกอยากทานของว่างอร่อย ๆ เพราะมันช่างอร่อยและสนุกปากใช่ไหมค่ะสาวๆ วันนี้เราลองมาดูพวกขนมที่ให้สาวๆกินกันได้อย่างไม่ต้องกังวลเรื่องอ้วน หรือรูปร่าง เพราะเป็นขนมที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกาย วันนี้ 108health มีเมนูของว่างที่สุดแสนจะอร่อย แถมด้วยคุณประโยชน์มากมายต่อร่างกายมานำเสนอ อยากรู้แล้วล่ะสิว่ามีอะไรบ้าง งั้นจะรอช้าอยู่ใย ตามมาดูกันเลย 

1. แผ่นสาหร่าย

ของดีจากประเทศญี่ปุ่นอย่างแผ่นสาหร่ายอบกรอบ นอกจากจะมีรสชาติที่อร่อยถูกปาก สามารถทานได้ทุกเพศทุกวัยแล้ว แผ่นสาหร่ายนี้ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก โดยสาหร่ายถือเป็นแหล่งแร่ธาตุอาหารที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างรวดเร็ว ง่ายต่อระบบย่อยอาหาร มีวิตามินต่างๆ และที่สำคัญเลือกที่ อบแห้งจะไม่มีน้ำมันก็ไม่อ้วนด้วยค่ะ ที่สำคัญยังนำสาหร่ายไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นข้าวปั้น หรือทานเปล่า ๆ ก็เข้าท่าอยู่ไม่น้อย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ดื่มน้ำตามไปด้วย จะช่วยให้ทานแผ่นสาหร่ายได้คล่องคอมากยิ่งขึ้น 

2. ถั่วนานาชนิด

ไม่ว่าจะเป็นอัลมอนด์ แมคคาเดเมีย ถั่วพิตาชิโอ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ทั้งในเรื่องของปริมาณไขมันในเลือด และความดันเลือดที่ลดต่ำลง แถมยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจได้มากกว่าอาหารที่มีไขมันน้อยอีกด้วย ที่สำคัญถั่วบางชนิดอย่างเช่นถั่วอัลมอนด์ก็ควรจะทานทั้งเปลือก เพราะเปลือกสามารถให้ไฟเบอร์ได้สูงเลยทีเดียว 

3. คะน้าทอดกรอบ (Kale Chips)

ไม่ต้องแปลกใจไป หากผักคะน้าอยู่ตามร้านอาหารตามสั่งจะกลายมาเป็นของว่างได้ หากคุณไม่เชื่อให้ลองนำใบคะน้ามาทอดจนหอม กรอบ แล้วทานดูได้เลย ทั้งนี้ทั้งนั้นคะน้ามีสรรพคุณมากมายทั้งวิตามินหลากหลายชนิด เช่น เบต้าแคโรทีน ที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ แถมยังมีวิตามินซีที่ช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อให้ชุ่มชื้น และทำให้ระบบภูมิคุ้มกันโรคของเรามีความแข็งแรงสมบูรณ์ ปัจจุบันมีคะน้ทอดกรอบบรรจุถุงจำหน่ายอย่างมากมายค่ะ สะดวกและอร่อย ไม่มีอ้วนค่ะ 

4. เนยถั่ว

อีกหนึ่งอาหารที่สามารถทานเล่นควบคู่กับแครกเกอร์เป็นขนมทานเล่นแสนอร่อยได้อย่างง่าย ๆ นอกจากนี้เนยถั่วยังมีประโยชน์สำหรับผิวและช่วยให้สดใส และมีใยอาหารซึ่งจะให้พลังงานแก่ร่างกายเป็นอย่างดี แต่รับประทานในปริมาณที่เหมาะสมนะคะ ไม่อย่างนั้นอาจจะทำให้คุณอวบขึ้นได้ 

5. ไข่ต้ม

ของว่างแบบคาวๆ อย่าง ไข่ต้ม ถือเป็นอาหารคู่ครัว มีประโยชน์สารพัด เป็นอาหารที่ให้ทั้งโปรตีน และมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย แถมยังมีคุณค่าทางโภชนาการต่าง ๆ อีกมากมาย ทำก็ง่าย ทานกับอะไรก็อร่อย แต่ก็อย่าบริโภคมากจนเกินไป เพราะไข่ให้คอเลสเตอรอลต่อร่างกายสูงอยู่ไม่น้อย อาจจะเสียสุขภาพกันได้ค่ะ

6. ถั่วลูกไก่ (Roast Chickpeas)

ถั่วลูกไก่นี้เป็นถั่วที่คนอินเดียนิยมใช้ทำอาหาร เม็ดใหญ่ เคี้ยวมันอร่อย ที่สำคัญคือให้โปรตีนสูง เหมาะการทานเล่นอย่างมาก และยิ่งนำไปคั่วด้วยแล้ว ก็จะยิ่งหอม อร่อยมากยิ่งขึ้นไปอีก 

7. ดาร์กช็อกโกแลต

ของโปรดปรานของคุณผู้หญิงหลายๆคน อย่างช็อกโกแลต แต่จะกินทีก็กลัวอ้วน แต่มันมีวิธีกินค่ะ คุณรู้หรือไม่ว่าช็อกโกแลตแท้ที่ไม่ผสมนม หรือที่เรียกกันว่า "ดาร์กช็อกโกแลต" นี้ มีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าช็อกโกแลตที่ผสมนม เนื่องจากว่าช็อกโกแลตสีเข้มจะมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระมากกว่า ซึ่งสารนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้อนุมูลอิสระก่อตัวขึ้นบริเวณหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ยังส่งผลดีต่อหัวใจและเพิ่มการไหลเวียนของเลือดให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

ได้รู้เมนูของว่างสุดแสนอร่อย แถมยังอุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมายต่อร่างกายเหล่านี้แล้ว ก็อย่าลืมชวนคนที่บ้านทานด้วยนะ แบ่งปันความอร่อยให้แก่กัน เพิ่มรสชาติให้กับของที่ทานได้อย่างดีเลยล่ะ

ที่มา : kapook 

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

7 เทคนิคสู่การออกกำลังกายอย่างถูกวิธี



วันนี้เรามีเทคนิคในการออกกำลังกายที่ถูกวิธีมาแนะนำค่ะ รับรองว่าเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ ที่รักสุขภาพเป็นอย่างมากเลยล่ะ งั้นเรามาดูพร้อมๆ กันเลยว่าสิ่งดีๆ ที่ว่านี้เป็นอย่างไรกันบ้างเอ่ย

1. การออกกำลังกายให้ได้ผลดีที่สุดคือ คุณไม่ควรออกกำลังกายน้อยกว่า 30 นาที/ครั้ง และไม่ควรน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ค่ะ ทางที่ดีควรจะหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเข้าไว้นะคะ ร่างกายจะได้ปรับสมดุลอย่างสมบูรณ์แข็งแรง

2. ถ้าเหนื่อยจากการออกกำลังกายก็หยุดนะคะ อย่าออกกำลังกายแบบหักโหม อย่าฝืนสังขารตัวเองและกำลังของตัวเองเด็ดขาด เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อฉีกขาดได้ง่ายและเกิดอันตรายต่อร่างกายได้

3. ก่อนออกกำลังกายทุกครั้งควรวอร์มร่างกายก่อนนิดนึงนะคะ เพื่อเป็นการปรับอุณหภูมิให้ร่างกายพร้อมและเตรียมกล้ามเนื้อเพื่อยืดและคลายตัวอย่างยืดหยุ่น ส่วนเวลาที่ออกกำลังกายเสร็จก็ควรวอร์มอัพด้วยเช่นกัน เพื่อช่วยลดการปวดเมื่อยในวันรุ่งขึ้นยังไงล่ะคะ

4. เวลาที่ออกกำลังกายในช่วงแรกๆ คุณอาจจะรู้สึกปวดเมื่อยได้อย่างเห็นได้ชัด แต่ถ้าคุณออกกำลังกายเป็นประจำอาการปวดเมื่อยเหล่านั้นก็จะน้อยลงค่ะ

5. คุณควรจะเปลี่ยนรูปแบบในการออกกำลังกายบ้างนะคะ เพื่อความสนุก เพิ่มความหลากหลาย และไม่น่าเบื่อ เพราะแต่ละกีฬาก็มีข้อดีแตกต่างกันออกไป ยังไงก็สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปบ้างก็ดีค่ะ

6. คุณควรดื่มน้ำก่อนออกกำลังกายประมาณ 3 ชั่วโมง ประมาณ 2-3 แก้ว และในระหว่างเล่นก็ควรดื่ม 1-2 แก้ว เพื่อเป็นการชดเชยการสูญเสียน้ำระหว่างที่ออกกำลังกายและป้องกันไม่ให้ร่างกายเกิดอาการเกร็งเป็นตะคริว,คลื่นไส้หรือปวดหัว เนื่องจากภาวะขาดน้ำนั่นเอง

7. ไม่ควรดื่มกาแฟก่อนออกกำลังกาย เพราะสารคาเฟอีน จะไปกระตุ้นการทำงานของหัวใจทำให้รู้สึกเหนื่อยหอบระหว่างที่ออกกำลังกายได้ค่ะ

อย่างไรก็ตามการออกกำลังกายไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆ ย่อมเป็นประโยชน์ต่อร่างกายทั้งสิ้นค่ะ เพียงแต่ว่าคุณต้องออกกำลังกายด้วยความเหมาะสม ด้วยความพอดี เพื่อร่างกายที่แข็งแรง ปราศจากโรคภัยยังไงล่ะคะ

วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

1 นาทีเพื่อการลดน้ำหนัก



สิ่งเดียวที่คุณต้องการก็คือเวลาหนึ่งนาที เพื่อเริ่มการกำจัดน้ำหนักส่วนเกิน และต่อไปนี้คือกลยุทธ์แสนง่ายดาย ในการตัดลดแคลอรี่และเผาผลาญไขมันอย่างได้ผล ซึ่งใช้เวลาเพียง 60 วินาที หรือน้อยกว่านั้น
1. เจือจางน้ำผลไม้ ผสมน้ำผลไม้ที่คุณโปรดปราน (ครึ่งหนึ่งของปริมาณที่คุณเคยดื่ม) กับน้ำเปล่าหรือน้ำแร่แบบมีฟอง คุณสามารถตัดลดแคลอรี่ลงไปได้อย่างน้อย 85 แคลอรี่ ต่อแก้ว ซึ่งหมายถึง 2 กิโลในหนึ่งปี

2. เคี้ยวหมากฝรั่ง งานวิจัยเมื่อไม่นานมานี้ ค้นพบว่าการเคี้ยวหมากฝรั่งไร้น้ำตาลตลอดทั้งวันเพิ่มอัตราการผลาญได้ราว 20 % ที่สามารถช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่าปีละ 10 ปอนด์

3. จิบชาเขียวก่อนออกไปเดิน คาเฟอีนช่วยปลดปล่อยกรดไขมันของคุณ จึงเผาผลาญไขมันได้ง่ายกว่า และโพลีฟีนอล (ที่เป็นแอนตี้ออกซิแดนท์) ในชาเขียวก็ดูจะทำงานร่วมกับคาเฟอีนในการเพิ่มการเผาผลาญแคลอรี่ (ถ้าคุณความดันโลหิตสูง อย่าใช้เคล็ดลับนี้)

4. หลอกต่อมรับรส การจิบยาแก้ไอรสเมนธอลหรือยูคาลิปตัสจะช่วยระงับอาการอยากอาหารได้อย่างชะงัดในทันที

5. เพิ่มรสชาติเผ็ดร้อน การเติมพริกลงในอาหารจะทำให้คุณทานอาหารช้าลง และพริกยังช่วยเพิ่มการผลาญพลังงานอีกด้วย

6. อย่าอยู่เฉย การขยับแข้งขยับขาหรืออยู่ไม่สุขตลอดเวลาจะช่วยคุณเผาผลาญแคลอรี่มากขึ้น ซึ่งอาจมากถึงวันละ 700 แคลอรี่เลยล่ะ

7. เช่าหนังผีมาดู คุณมีความอยากอาหารน้อยลงเวลาที่กลัว แต่จะกินมากขึ้นถ้าโกรธหรือมีความสุข

8. มองตัวเอง งานวิจัยบอกว่า การมองตัวเองในขณะกินอาหาร อาจทำให้คุณกินน้อยลงได้ 22-32 เปอร์เซ็นต์

9. วิดพื้น ก่อนที่คุณจะเปิดถ้วยไอศกรีม วางมันลงก่อนแล้วก็ทำท่าวิดพื้นซัก 10 ครั้ง การทำกิจกรรมทางกายบางอย่างจะทำให้คุณสำนึกถึงเป้าหมายของคุณขึ้นมาได้

10. ดมกลิ่น เวลาที่อยากกินขนมเค้กหรือคุกกี้หอมกรุ่นพวกนั้นเหลือเกิน ลองทำแบบนี้ดู สูดกลิ่นมันสัก 30 วินาที ก่อนกิน มันจะเป็นการตอบสนองต่อความอยากที่จะช่วยให้คุณหยุดกินได้แค่คุกกี้ชิ้นเดียว

11. กินปลา ปลาที่อุดมด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 เช่น ทูน่า แม็กครีล และแซลมอน อาจช่วยคุณลดน้ำหนักได้ด้วยการเผาผลาญไขมันให้ดีขึ้น คนที่น้ำหนักเกิน ซึ่งกินอาหารแคลอรี่ต่ำที่มีปลาด้วยทุกวัน ลดน้ำหนักได้มากกว่าคนที่ไม่ได้กินปลาเลยราว 20 %

ขอขอบคุณ Sanook.com

วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

กินอาหาร Low Fat ก็อ้วนได้



ผลิตภัณฑ์อาหารที่ติดฉลาก Low Fat แปลว่ามีแคลอรีต่ำด้วยหรือเปล่า? ข้อสงสัยนี้มีคำตอบ...

สาว ๆ ที่อยากลดน้ำหนัก ลดความอ้วน ก็มักจะเลือกหาผลิตภัณฑ์ที่ระบุป้ายว่า Low Fat มาทานกัน เพื่อหวังจะได้มีรูปร่างดี ไร้ไขมันสมชื่ออาหารใช่ไหมล่ะคะ...

แต่!!!คุณอาจจะเข้าใจผิดก็ได้นะ

นั่นเพราะ แม้จะได้ชื่อว่าเป็นอาหาร Low Fat แต่ก็ยังให้ปริมาณแคลอรีเท่ากับอาหารปกติเช่นเดิม เพียงแต่ลดปริมาณไขมันลงเท่านั้น

หลายคนจึงคิดว่า ถ้าบริโภคอาหาร Low Fat จะสามารถทานได้ในปริมาณมากกว่าเดิมและไม่อ้วน

จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า เมื่อชั่งน้ำหนักคราใด น้ำหนักตัวก็ยังไม่ลดลงสักที......

ฉะนั้น ถ้าคุณอยากทานอาหารที่ไม่ก่อให้เกิดความอ้วน ก็ต้องใส่ใจในปริมาณแคลอรีให้พอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป และออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ผัก-ผลไม้แก้หิว



จากผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร British Journal of Psychiatry เมื่อเร็วๆ นี้พบว่า ผู้ที่กินของหวาน อาหารประเภททอด เนื้อสัตว์ผ่านการปรุง ธัญพืชขัดขาว และผลิตภัณฑ์ที่อุดมไปด้วยไขมัน จะมีอาการซึมเศร้ามากกว่าผู้ที่จำกัดการกินอาหารประเภทดังกล่าว ซึ่งการศึกษานี้ได้มีการทดลองกับผู้หญิงและผู้ชายจำนวน 3,500คน เพราะฉะนั้น ทางเลือกที่ฉลาดสำหรับผู้ที่ต้องการมีสุขภาพดีก็คือ เลือกกินผักหรือผลไม้ในยามที่หิวแทนอาหารประเภทที่อุดมไปด้วยไขมันต่างๆ ข้างต้น

ดร.Tasnime N. Akbaraly ผู้นำทางด้านการศึกษาในเรื่องนี้กล่าวว่า สารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในผักและผลไม้ รวมทั้งกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่อยู่ในปลา มีส่วนช่วยลดอัตราการเสี่ยงของการเป็นโรคซึมเศร้า เช่นเดียวกับโฟเลต วิตามินบีที่พบได้ในผักสีเขียวเข้ม อาทิ ผักโขม ถั่ว และผลไม้จำพวกส้ม หรือมะนาว เหล่านี้ล้วนส่งผลต่อสารสื่อประสาทที่มีผลกระทบต่ออารมณ์ของคนทั้งสิ้น


แป้ง กินได้ไม่อ้วน
จากการศึกษาล่าสุดใน Archives of Internal Medicine พบว่า คนที่ไดเอตด้วยวิธีการกินอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตให้ต่ำมากๆ (Low-Carb Diet) คือได้รับคาร์โบไฮเดรตต่อวันเพียง 20-40 กรัม หรือเทียบได้กับกินข้าวแค่ครึ่งถ้วยกับขนมปังอีกเพียงหนึ่งแผ่น จะก่อให้เกิดอาการซึมเศร้า หวาดวิตก และก้าวร้าวมากกว่าคนที่ไดเอตแบบประเภทที่กินอาหารไขมันต่ำ (Low-Fat) แต่เน้นคาร์โบไฮเดรตสูง (High-Carb) อันได้แก่ ผลิตภัณฑ์ที่มีไขมันต่ำ ธัญพืชไม่ขัดขาว ผลไม้ และถั่ว

นักวิจัยกล่าวว่า คาร์โบไฮเดรตอาจมีส่วนช่วยสร้างสารเซโรโธนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่มีโครงสร้างทางเคมี ที่ประมาณ 80-90% ของปริมาณเซโรโธนินจะพบใน Enterochromaffin Cells ที่อยู่ในร่างกายของมนุษย์ ทำหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของทางเดินอาหาร และอีก 10-20% จะถูกสังเคราะห์ในระบบประสาทส่วนกลางจากเซลล์ประสาท ทำหน้าที่เป็นสารสื่อประสาท มีบทบาทหลายหน้าที่ เช่น ช่วยในการควบคุมความหิว อารมณ์ และความโกรธ ทั้งนี้ สารเซโรโธนินยังพบในเห็ดและพืชผักผลไม้ต่างๆ อีกด้วย ดังนั้น ถ้าคนเราได้รับคาร์โบไฮเดรตในปริมาณที่ไม่พอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ ละวันแล้ว ย่อมจะส่งผลกระทบกับอารมณ์ในเชิงลบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

อารมณ์ดี เพราะช็อกโกแลต
การกินช็อกโกแลตวันละ ประมาณ 39.62 กรัม หรือ 1.4 ออนซ์ (1 ออนซ์ เท่ากับ 28.3 กรัม) ทุกวันเป็นเวลาสองอาทิตย์ จะช่วยลดฮอร์โมนคอร์ติโซน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้เกิดความเครียดลงได้ ทั้งนี้ ถ้าคนเราอยู่ในภาวะเครียด จะมีแนวโน้มสูงที่จะอ้วนขึ้น นั่นเป็นเพราะฮอร์โมนคอร์ติโซนจะไปทำให้อัตราเมตาบอลิซึ่มในร่างกายทำงานช้า ลง จากการศึกษาของศูนย์วิจัยเนสท์เล่ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ล่าสุดพบว่า สารโพลีฟีนอล (Polyphenols) หรือแอนตี้ออกซิแดนซ์ (Antioxidants) ที่พบในช็อกโกแลต หรือแม้แต่ผักผลไม้จะมีส่วนที่ก่อให้เกิดความเครียดลดลง

อย่างไรก็ตาม สาวๆ ก็ควรกินช็อกโกแลตในปริมาณที่พอดีในแต่ละวัน เนื่องจากช็อกโกแลตจะให้ปริมาณแคลอรีสูง ซึ่งสามารถทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ ถ้าร่างกายได้รับมากเกินไปในแต่ละวัน

ขอขอบคุณ Women Plus

วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

การเผาผลาญไขมันในขณะทำงาน



ในวันทำงานขณะที่คุณต้องใช้เวลาส่วนมากอยู่กับโต๊ะทำงาน คุณยังมีวิธีกระตุ้นประสิทธิภาพการเผาผลาญไขมันในร่างกายของคุณได้ คุณสามารถเผาผลาญไขมันเพิ่มขึ้นได้เป็นจำนวนไม่น้อยในแต่ละวัน ถ้าคุณทำตามคำแนะนำดังต่อไปนี้

1. การใช้โทรศัพท์ในเวลาทำงาน โดยปกติเรามักจะนั่งคุยโทรศัพท์ซึ่งถ้าใช้โทรศัพท์ในขณะทำงานเป็นเวลานาน ๆ จะทำให้เกิดความเมื่อยล้าได้ ลองเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์ของคุณในขณะทำงาน โดยการลุกขึ้นยืนในขณะที่คุณกำลังคุยโทรศัพท์ แล้วค่อย ๆ เขย่งปลายเท้า ขึ้น-ลง เป็นระยะ ๆ จะช่วยให้คุณได้ออกกำลังกล้ามเนื้อส่วนน่องของคุณไปด้วย

2. พยายามดื่มน้ำครั้งละน้อย ๆ แต่ให้ดื่มบ่อย ๆ พยายาม จัดหาวิธีที่ทำให้คุณต้องเดินไปรินน้ำดื่ม 1 แก้ว ทุก ๆ ครึ่งชั่วโมง การทำเช่นนี้เป็นการบังคับให้คุณต้องลุกขึ้นเดินทุก ๆ ครึ่งชั่วโมง ซึ่งการดื่มน้ำบ่อย ๆ ทำให้เกิดผลดีต่อสุขภาพของคุณอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณรู้สึกปวดเบาขึ้นมาและอยากจะเข้าห้องน้ำ คุณก็จะได้ออกกำลังกายเพิ่มขึ้นจากการเดินไปเข้าห้องน้ำและการลุกขึ้นเดิน บ่อย ๆ ยังช่วยให้คุณได้เปลี่ยนอิริยาบถแทนที่จะนั่งทำงานอยู่เป็นเวลานาน

3. ขณะนั่งทำงาน คุณสามารถออกกำลังกล้ามเนื้อต้นขา หน้าท้องและบั้นท้ายของคุณ โดยการนั่งตัวตรง งอเข่า ขาชิดกัน เหยียดขาให้ฝ่าเท้าแนบราบกับพื้น จากนั้นให้พยายามยกเท้าขึ้นจากพื้นให้สูงประมาณ 4-5 นิ้ว ให้ทำพร้อมกับการเกร็งกล้ามเนื้อต้นขาและบั้นท้ายค้างไว้สัก 5 วินาที ให้ทำซ้ำ ๆ บ่อย ๆ ยิ่งมากได้เท่าไหร่ ยิ่งดี

4. ขันอาสาช่วยเหลือเพื่อน ๆ ในที่ทำงาน งานเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น การชงกาแฟ การถ่ายเอกสาร จะทำให้คุณได้ยืดเส้นยืดสายไปในตัวและยังเป็นการเอาอกเอาใจเพื่อน ๆ ให้มีความรู้สึกที่ดีต่อคุณได้อีกทางหนึ่งด้วย

5. ไม่สั่งอาหารกลางวันมาทานในออฟฟิต ในช่วงพักเที่ยง แม้ว่างานคุณจะยุ่งสักเพียงใดก็ตาม การสั่งอาหารมื้อเที่ยงเข้ามาทานในสำนักงาน ไม่เป็นการดีต่อตัวคุณเลย พยายามสละเวลาออกไปทานมื้อเที่ยงข้างนอก เพื่อที่คุณจะได้ขยับแข้ง-ขา ยืดเส้นยืดสายไปในตัว เมื่อทานมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว การเดินกลับมาที่สำนักงานจะเป็นการช่วยย่อยอาหารและออกกำลังกายไปในตัว

ยังมีอีกหลายวิธีที่จะช่วยเผาผลาญไขมันให้คุณในขณะทำงาน ลองคิดหาวิธีอื่น ๆ คงไม่ยากเกินไป อย่าลืมว่า ขอแค่ขยับก็เท่ากับออกกำลังกายแล้ว.

ขอบคุณข้อมูลจาก thai-good-health.blogspot.com

วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

4 เคล็ดลับเด็ดลดไขมัน



คุณรู้จักเคล็ดลับการ เผาผลาญไขมันมาแทบทุกอย่างแล้ว แต่นี่คือบางอย่าง ที่คุณสามารถเพิ่มเข้าไปได้เพื่อจัดการโจมตีไขมันในแบบที่ต่างออกไป

1. เล่นโยคะตอนเช้า เพียงแค่ 15 นาที การเล่นโยคะในตอนเช้าจะทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนมากขึ้น การย่อยดีขึ้น ทั้งหมดนำไปสู่การเผาผลาญไขมันและแคลอรีที่มากขึ้น และสุขภาพจิตจะดีไปตลอดทั้งวันด้วย

2. ท้าทายตัวเองสัปดาห์ละอย่าง การออกกำลัง เพื่อให้ตัวเองแข็งแรงและดูดี ไม่ได้ผลดีเท่ากับการออกกำลังอย่างมีเป้าหมาย เพราะการตั้งเป้าหมายจะทำให้คุณฝึกตัวเองเต็มที่ขึ้น ลองตั้งเป้าหมายในแต่ละสัปดาห์ เช่น การวิ่งขึ้นลงบันไดอย่างรวดเร็ว 10 รอบ แข่งเทนนิสหรืออกกำลังกายที่คุณไม่เคยลองมาก่อน เช่น เต้นระบำหน้าท้อง หรือชกมวย

3. ยกน้ำหนักพร้อมคาร์ดิโอ การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอสลับวันกับการยกน้ำหนักเป็นเรื่องดี แต่การออกกำลังแบบคาร์ดิโอสัก 20-30 นาที ด้วยความหนักที่หลากหลายกันหลังการยกน้ำหนัก จะช่วยเผาผลาญไขมันในระหว่างนั้นและหลังจากนั้นอีกหลายชั่วโมง ลองวอร์มอัพด้วยการออกกำลังแบบคาร์ดิโอสัก 7 นาที ตามด้วยการยกน้ำหนัก 40 นาที และออกกำลังแบบอินเทอร์วัลอีก20 นาที มันจะช่วยคุณเผาผลาญไขมันได้สูงสุดในเวลาน้อยที่สุด

4. สั้นและหนักหน่วง หมดสมัยของการออกกำลังหรือยกน้ำหนักนานๆ แล้ว ทุกวันนี้เป็นเรื่องการออกกำลังแบบสั้น ๆ แต่มีประสิทธิภาพ การศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Journal of Sports Medicine and Physical Fitness ชี้ว่า การยกน้ำหนักแบบหนัก ๆ ในช่วงสั้น ๆ ทำให้กล้ามเนื้อพัฒนาดีขึ้น 50 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับการยกน้ำหนักตามปกติ และทำให้มีกล้ามเนื้อที่ปราศจากไขมันมากกว่า

ข้อมูลจาก lisaguru.com

วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

แขม่วท้องช่วยลดพุงได้



เวลาที่หิวจัด หลายคนมักจะลืมตัวกิน กิน กินแล้วก็กิน อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะถ้ามีงานปาร์ตี้ด้วยแล้ว ก็จะกระหน่ำกินกันให้คุ้มไปเลย แต่พอกินอิ่มนี่สิ เจ้าพุงน้อย ๆ มันดันยื่นออกมา จนความมั่นใจหายไปเลย

วิธีที่มักใช้อำพรางพุงที่หลาย ๆ คนใช้ก็คงไม่พ้นการแขม่วท้องเอาไว้ เวลาที่อยู่ต่อหน้าคนจำนวนมาก ๆ...แล้วการแขม่วท้องมันช่วยลดพุงได้จริงหรือ เราไปติดตามกันค่ะ


การแขม่วท้องนั้นสามารถช่วยลดพุงได้ เพราะเป็นการออกกำลังกายอย่างง่าย ๆ และสามารถทำได้ตลอดเวลา การแขม่วนั้นเป็นการบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้อง ทำให้ร่างกายได้ใช้พลังงานตลอดเวลา ไม่มีการสะสมของไขมัน ช่วยให้กล้ามเนื้อกระชับขึ้น

อีกทั้งการแขม่วท้องยังช่วยให้ระบบขับถ่ายดี แก้ปัญหาท้องผูก ทำให้ขับถ่ายสะดวก รู้สึกสบายท้อง และการแขม่วท้องคล้ายกับการฝึกทำสมาธิ อานาปานสติ กำหนดลมหายใจเข้า- ออก ยุบหนอ พองหนอ รู้สึกที่ท้อง ท้องเป็นจุดรวมของความรู้สึกนึกคิดต่าง ๆ ทำให้เกิดปัญญา

นอกจากนั้นแล้ว การแขม่วท้องยังเป็นการทำให้เรา ได้ตระหนักถึงพุงที่ยื่นออกมามากกว่าปกติ เป็นการเตือนให้เราระมัดระวังเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษ

ได้เห็นประโยชน์ของการแขม่วท้องกันแล้ว ทีนี้ก็ได้เวลามาบริหารกล้ามท้องแล้ว มาแขม่วท้องลดพุงกันดีกว่าค่ะ เพื่อสุขภาพ และรูปร่างที่ฟิตแอนด์เฟิร์ม...

ข้อมูลจาก womanstoryonline.com

วันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

อาหารสำหรับคนอยากผอม



การลดน้ำหนักต้องอาศัยทั้งการออกกำลัง กาย และการทานอาหาร ซึ่งอาหาร 5 อย่างนี้จะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ และลดความอยากทาน ช่วยให้คุณผอมลงได้แน่นอนค่ะ

พริก
มีการวิจัยออกมาแล้วว่า สารแคปไซซิน (Capsaicin) ในพริกช่วยลดการอยากอาหารได้

ถั่วเปลือกแข็ง
ถึงแม้ว่าการกินถั่วบางชนิดจะมีแคลอรี่ สูง แต่การกินถั่วเปลือกแข็งจะช่วยกระตุ้นร่างกายให้เผาผลาญดีขึ้นอีกร้อยละ 11 และลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหัวใจได้อีกด้วย

เต้าหู้
มีการศึกษาพบว่าการกินเต้าหู้ 1 ช้อนโต๊ะ ก่อนกินอาหาร ช่วยลดความอยากอาหารได้ร้อยละ 42

น้ำส้มสายชูวินิการ์
หากกินน้ำส้มสายชูวินิการ์พร้อมมื้อ อาหาร กรดอะซิติกในน้ำส้มสายชูจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลง จึงอิ่มนานขึ้น

ลูกแพร์
นอกจากจะมีไฟเบอร์สูงแล้ว ผลการวิจัยในบราซิลยังพบว่า ผู้หญิงที่กินลูกแพร์ขนาดเล็กหลังมื้ออาหาร เป็นเวลา 2 เดือน มีน้ำหนักลดลงถึงครึ่งกิโลกรัมอีกด้วย

อยากสวยอยากผอมก็เลือกทานได้ตามใจชอบ เลยค่ะ ..

ข้อมูลจาก womanstoryonline.com

วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

แค่นอนหลับให้มากขึ้น ก็ลดความอ้วนได้



แค่ชื่อเรื่องก็ดูขำอย่างไม่น่าเชื่อ แค่นอนหลับจะทำให้ความอ้วนของคุณหายไปได้อย่างไร ในขณะเดียวกันการไม่นอนนี้แหละจะเป็นตัวขัดขวางไม่ให้คุณผอมลง

เหตุผลแรกก็คือ เมื่อไม่ได้นอนจะส่งผลให้ร่างกายเกิดความเครียด และจะหลั่ง Cortisol ออกมา ซึ่งเป็นตัวเพิ่มการไหลเวียนของกลูโคส (รวมถึงโปรตีนและไขมัน) ในกระแสเลือด เมื่อร่างกายผลิต Cortisol ออกมาในอัตราที่สูง เนื่องจากความเครียดต่าง ๆ นั้น สิ่งที่ตามมาก็คือ Cortisol จะออกคำสั่งให้ร่างกายเตรียมพลังงานให้พร้อม เพื่อรับมมือกับสภาวะเครียดที่กำลังเกิดขึ้น โดยการเพิ่มปริมาณกลูโคสในกระแสเลือดให้มากกว่าปกติ และจะทำให้คุณสูญเสียการสร้างกล้ามเนื้อ ยิ่งถ้าคุณกำลังควบคุมน้ำหนักหรือลดความอ้วน ปัญหาจะตามมาทันที เพราะจะทำให้พลังงานในรูปแบบของกลูโคส (รวมถึงไกลโคเจน) นั้นไม่เพียงพอ เนื่องจากกลุ่มคนดังกล่าวนั้นรับประทานอาหารน้อยกว่าปกติ ยิ่งทำให้เมตาบอลิซึมทำงานช้าลง และน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น

ระดับฮอร์โมนการเติบโตของเราจะเพิ่มขึ้นขณะหลับ ซึ่งจะช่วยสร้างกล้ามเนื้อและลดความอ้วนได้ ฉะนั้นยิ่งหลับนานเท่าไร ก็ยิ่งได้ผลดีเยี่ยมในการลดน้ำหนักมากเท่านั้น

การออกกำลังกายนับเป็น วิธีลดน้ำหนักได้ดีเยี่ยมวิธีหนึ่ง แต่ถ้าไม่มีเวลาขอแค่นอนให้เพียงพอ 8 ชั่วโมงต่อวัน ก็จะช่วยเร่งอัตราการสร้างกล้ามเนื้อจากอาหาร และพลังงานที่ได้รับอย่างดีเยี่ยม

ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก lisaguru.com

วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ลดน้ำหนัก ขั้นพื้นฐาน ที่ใคร ๆ ก็ทำได้




ปัจจุบันวิธีการลดน้ำหนักนั้น ก็มีออกมามากมายหลายรูปแบบ จนคุณสาว ๆ หลายคนอาจจะเลือกจนเวียนหัว เพราะไม่รู้จะเลือกทำวิธีไหนก่อนดี ดังนั้นจึงขอแนะนำวิธีที่เบสิกที่สุดให้เป็นการอุ่นเครื่อง ก่อนที่จะเพิ่มระดับในขั้นต่อ ๆ ไปให้นำไปใช้กันดังนี้ค่ะ

รับประทานผักผลไม้ให้มาก ๆ และงดปรุงอาหารด้วยไขมัน

ลดอาหารที่มีแคลอรีสูง เช่น กล้วยทอด ปาท่องโก๋ พิซซ่า โรตี กะทิ เป็นต้น

เลือกดื่มนมพร่องมันเนย

ลดการทานของหวาน หรืออาหารที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบหลัก

งดการดื่มแอลกอฮอล์

บริหารร่างกายโดยการเดินแทนการใช้รถ ขึ้นบันไดแทนการขึ้นลิฟท์

ออกกำลังที่คุณชื่นชอบอย่างสม่ำเสมอ เช่น ว่ายน้ำ แบดมินตัน ฯลฯ

ถ้าหากเบื้องต้นคุณสามารถทำได้ตามนี้แล้ว การลดน้ำหนักในขั้นต่อไปก็คงไม่อยากแล้วล่ะค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก womanstoryonline.com

วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

10 วิธีง่ายๆ ในการเผาผลาญพลังงาน


การที่แต่ ละวันคุณมีโอกาสได้ทำกิจกรรมต่างๆ บ้างเป็นหนทางหนึ่งที่ช่วยให้คุณได้ใช้พลังงานส่วนเกินที่สะสมจากอาหารที่ กินเข้าไปได้ แม้คุณจะไม่ได้ออกกำลังกายหนักหน่วงจริงจังอย่างการเล่นกีฬา

แต่อย่างน้อยก็ได้ออกแรง ขยับกล้ามเนื้อแขนขา ช่วยควบคุมน้ำหนัก แถมยังลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจและกระดูกพรุนอีกต่างหาก

เรา ได้สรรหากิจกรรมง่ายๆ ที่บางทีคุณอาจมองข้ามไป มาแนะนำให้คุณลองมาดูกันว่ากิจกรรมใดใช้พลังงานสักเท่าใดกัน และแบบไหนที่คุณน่าจะทำได้บ้าง

* ลุกขึ้นมาเดินคุยโทรศัพท์แทนที่จะนั่งเฉยๆ
สำหรับคนที่ทำงานนั่งโต๊ะ ระหว่างโทรศัพท์เป็นโอกาสดีที่คุณจะได้ลุกจากที่นั่งที่คุณจุมปุ๊กมาทั้งวัน แม้จะไม่ได้ใช้พลังงานมากนักแต่อย่างน้อยก็ทำให้คุณได้ขยับแข้งขา เพิ่มการไหลเวียนของเลือดทั่วร่างกาย การเลือกโทรศัพท์ประเภทไร้สายมาใช้จะช่วยได้มาก
* เดินไปส่งเอกสารข้ามออฟฟิศด้วยตัวเอง
มีบางครั้งที่คุณต้องการจะยื่นเอกสารไปแผนกข้างๆ หรือต้องเดินข้ามชั้นหากที่ทำงานมีขนาดใหญ่ แทนที่จะใช้คนอื่นทำแทน คุณอาจลองหาช่วงเวลาเหมาะๆ แล้วลุกขึ้นเดินไปส่งเอกสารเหล่านั้นด้วยตัวเอง นอกจากจะได้ออกแรงเดิน หรือขึ้นลงบันไดแล้ว ยังได้ของแถมเป็นโอกาสเชื่อมสัมพันธไมตรีกับเพื่อนร่วมงานอีกต่างหาก
* หาเวลาว่างไปเดินช้อปปิ้ง
การไปเดินตามห้างสรรพสินค้า หรือตลาดนัดเป็นทางออกของหลายๆ คนในการใช้เวลาว่างวันหยุด ไม่เพียงเพลินตาสบายใจเท่านั้น แต่เป็นโอกาสที่คุณจะได้ออกกำลังกายแบบไม่รู้ตัว ลองคิดดูว่าถ้าไปเดินห้างตลอดบ่ายวันเสาร์ นั้นเท่ากับคุณเดินไม่หยุดถึง 4-5 ชั่วโมงเลยทีเดียว จะให้ดีน่าจะสวมเสื้อผ้าที่สบายๆ ใส่ถุงเท้ารองเท้ากีฬาด้วยเสียเลย จะช่วยให้การเดินของคุณสนุกยิ่งขึ้น
* ทาสีบ้าน
เชื่อไหมว่าการทาสีบ้านจะผลาญพลังงานคุณได้อย่างน้อยๆ ก็ประมาณ 300 แคลอรีต่อชั่วโมง แถมยังช่วยให้คุณได้ออกกำลังแขน และลำตัวได้อีกต่างหาก
* ทำความสะอาดบ้านให้เอี่ยมอ่อง
วันหยุดสุดสัปดาห์ หากคุณได้ลงมือทำความสะอาดบ้านให้หมดจด ทั้งกวาด ทั้งถู ดูดฝุ่น เช็ดหน้าต่าง นอกจากจะทำให้บ้านสะอาดน่าอยู่แล้ว ยังได้ออกกำลังผลาญพลังงานถึง 420 แคลอรีต่อชั่วโมงโดยประมาณด้วย
* ทำสวนตัดหญ้า
สำหรับคนที่บ้านมีบริเวณ การใช้เวลาขลุกอยู่ในสนามหญ้าหน้าบ้าน ทำสวน พรวนดิน ปลูกต้นไม้ จะได้ใช้พลังงานถึง 360 แคลอรีต่อชั่วโมง พอๆ กับการเล่นแบดมินตัน หากสนามกว้างหน่อยเดินไถรถตัดหญ้าบ้างก็ดี ก็จะช่วยผลาญพลังงานได้ถึง 420 แคลอรีต่อชั่วโมง หนักพอๆ กับเล่นเทนนิสเลยทีเดียว
* เดินหาที่กินไกลๆ ออฟฟิศ
ใช้เวลาพักกลางวันให้เป็นประโยชน์กับสุขภาพและการออกกำลังกาย ด้วยการเดินไปหาของกินอร่อยๆ ไกลออฟฟิศขึ้นอีกนิด แทนที่จะพึ่งพาแต่โรงอาหารประจำอาคารเหมือนทุกวัน อย่างน้อยๆ ก็ช่วยให้คุณได้โอกาสเดินมากขึ้น ใช้พลังงานจากอาหารที่กินเข้าไป ลดการสะสมไขมันไม่มากก็น้อย
* ถือตะกร้าจ่ายตลาดในซูเปอร์มาร์เก็ตแทนใช้รถเข็น
หากคุณต้องการซื้อสิ่งของเพียงไม่กี่ชิ้นที่คิดว่าพอถือไหว ก็ควรใช้ตะกร้าแทนรถเข็น เพื่อให้แขนได้ออกแรงยกของระหว่างเดิน อย่างน้อยๆ ก็ช่วยเผาผลาญพลังงานเสมือนกับการเล่นเวท และอย่าลืมสลับข้างเพื่อให้แขนและไหล่ทั้ง 2 ข้างได้ออกแรงเท่าเทียมกัน
* เดินขึ้นบันไดแทนขึ้นลิฟท์
การขึ้นบันไดแต่ละครั้งคุณจะใช้พลังงานประมาณ 10 แคลอรีต่อชั้น เป็นโอกาสง่ายๆ ที่จะใช้เผาผลาญพลังงาน แล้วยังได้ออกกำลังขาอีกต่างหาก
* โดยสารรถประจำทาง/รถไฟฟ้าแทนการขับรถ
เมื่อคุณต้องไปพบเพื่อน หรือลูกค้านอกออฟฟิศ หากเส้นทางที่จะไปอยู่ในเส้นทางเดินรถไฟฟ้า หรือมีรถประจำทางวิ่งผ่าน คุณลองจอดรถของคุณไว้แล้วใช้บริการขนส่งมวลชนดูบ้าง ไม่เพียงประหยัดค่าน้ำมัน ยังเป็นโอกาสที่จะได้เดินมากขึ้น ขึ้นลงบันได ใช้พลังงาน แถมยังได้สัมผัสชีวิตริมทางที่คุณไม่ค่อยได้เห็นได้อีกด้วย

10 วิธีที่กล่าวมานี้คงเป็นเพียงตัวอย่างกิจกรรมที่คุณเลือกทำได้ง่ายๆ นอกเหนือจากการออกกำลังกาย เพราะชีวิตประจำวันของคุณมีอะไรต้องทำมากมายไม่ซ้ำกัน ลองสรรหาสิ่งแปลกใหม่ให้ตัวเองทำ โดยตั้งใจจริงว่าจะต้องใช้พลังงานให้เป็นประโยชน์ แล้วคุณจะพบว่าตัวเองได้สุขภาพแข็งแรงเป็นผลตอบแทนกลับคืนมาที่คุ้มค่าจริงๆ

ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today

วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

รู้เรื่องกิน ก่อนจะออกกำลังกาย



คนเราแต่ละคนย่อมต้องการพลังงานที่แตกต่างกัน คนที่กำลังควบคุมน้ำหนัก หรือคนที่เป็นนักกีฬา คนท้อง หรือแม้แต่คนธรรมดา ก็ต้องการพลังงานและสารอาหารที่แตกต่างกันไปมาดูกันว่าสารอาหาร 5 หมู่ที่เราท่องจำกันมาตั้งแต่เด็ก มันให้อะไรกับเรากันแน่ เพื่อที่เราจะได้นำไปปรับใช้กับตัวเองได้ถูกต้อง เหมาะกับแต่ละคน

โปรตีน หลายคนท่องว่า ให้พลังงาน นั่นจริงส่วนหนึ่ง แต่จริง ๆ แล้ว โปรตีนจะไปเสริมสร้างเนื้อเยื่อให้กับร่างกาย และซ่อมแซมเซลล์และเนื้อเยื่อที่สึกหรอไป โปรตีนจึงมาก ๆ กับคนที่เป็นนักกีฬา หรือคนที่กำลังออกกำลังกาย เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อของตน สำหรับคนธรรมดาเราควรทานเป็นประจำ แต่การทานมากเกินไป จะทำให้ตับและไตทำงานมากเกินจำเป็น เพราะโปรตีนจะถูกจับออกมาในรูปของปัสสาวะ ทำให้ร่างกายขาดน้ำด้วย

คาร์โบไฮเดรต อาหารให้พลังงานอย่างแท้จริง แป้ง หรือสารอาหารคาร์โบไฮเดรต เมื่อร่างกายรับเข้าไปจะถูกย่อยให้เป็นน้ำตาลและถูกใช้เป็นพลังงาน หากเหลือ จะแปรรูปเก็บอยู่ในรูปไกลโคเจน เพื่อเป็นพลังงานสะสม หากเรารับประทานอาหารจำพวกแป้งมากเกินไป ร่างกายใช้ไม่หมด ก็จะถูกเก็บสะสมมากขึ้น ๆ นานวันเข้า มันจะกลายเป็นไขมัน ทำให้เราอ้วนอีก ดังนั้นทานแป้งก็ทานแต่พอดี จะให้ดี ทานแป้งที่เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน อย่างพวกธัญพืช ต่างๆ ข้าวไม่ขัดสี หรือขนมปังก็เลือกแบบโฮลวีท รับรองไม่อ้วน แถมยังได้วิตามินอีกด้วย

ไขมัน เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เพราะปกติร่างกายจะดึงพลังงานจากคาร์โบไฮเดรตออกมาใช้ก่อน จากนั้นจึงดึงไขมันออกมาใช้ หากเราขาดไขมันมาก ๆ ร่างกายจะดึงเอาโปรตีนออกมาใช้แทน ทันนั้นจึงเป็นเหตุผลว่า คนที่ขาดสารอาหาร ร่างกายถึงได้ผอมแห้งเหี่ยว เหมือนหนังหุ้มกระดูก เพราะร่างกายต้องใช้พลังงานทุกวัน แต่ร่างกายไม่สามารถถึงเอาไขมันและคาร์โบไฮเดรตออกมาใช้ได้ โปรตีนจึงถูกดึงมาใช้แทน ดังนั้นจึงควรทานทุกอย่างให้สมดุล

วิตามิน อยู่ในรูปของผักและผลไม้เสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ในธัญพืช ก็มีวิตามินอยู่ไม่น้อย เช่นวิตามินบี 6 และ บี 12 วิตามินจะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกายได้ ไม่ทำให้เราเจ็บป่วยง่ายนัก
เกลือแร่ หากบริโภคอาหารครบทั้ง 5 หมู่ ก็จะได้รับเกลือแร่ครบถ้วนแล้ว นอกจากนี้ควรรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กและวิตามินซีสูง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมด้วย
น้ำ สิ่งจำเป็นต่อชีวิตที่ขาดไม่ได้ ทั้งช่วยคลายความร้อนในร่างกาย นำสารอาหารไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ปริมาณที่ควรดื่ม ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิและการเคลื่อนไหวของร่างกาย
กุญแจสำคัญของสุขภาพที่ดี อยู่ที่การทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำให้พอกับความต้องการของร่างกาย ออกกำลังกาย แลทำจิตใจให้สดชื่นอยู่เสมอ แค่นี้สุขภาพดีก็อยู่ไม่ไกลเกินมือคุณแล้ว

ขอขอบคุณข้อมูลจาก SANOOK.COM

วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เทคนิคการลดน้ำหนัก วิธีกินของว่างไม่ให้อ้วน



กฎของการกินของว่างไม่ให้อ้วน คือ กินไม่เกิน 100 แคลอรี่ ต่อ 1 ชั่วโมงก่อนถึงเวลาอาหาร เช่น ถ้าเป็นเวลาบ่ายสามโมง และกว่าจะถึงเวลาอาหารเย็นต้องรออีก 3 ชั่วโมง ก็ควรกินอาหารว่างได้ไม่เกิน 300 แคลอรี่ แต่ควรเลือกกินคาร์โบไฮเดรตที่มีเส้นใยสูง เช่น ผลไม้ เป็นหลักแล้วค่อยเพิ่มโปรตีนหรือไขมันที่ดีต่อสุขภาพ เพื่อให้อิ่มได้นานขึ้น ถ้าไม่รู้จะกินอะไรได้บ้าง ยกตัวอย่างเช่น
# ถ้าอาหารมื้อต่อไปจะมาถึงในอีก 1 ชั่วโมง ทานแอปเปิ้ลขนาดกลาง 1 ผล

# ถ้าอาหารมื้อต่อไปจะมาถึงในอีก 2 ชั่วโมง ทานแอปเปิ้ลขนาดกลาง 1 ผล + เนยถั่ว 1 ช้อนโต๊ะ

# ถ้าอาหารมื้อต่อไปจะมาถึงในอีก 3 ชั่วโมง ทานแอปเปิ้ลขนาดกลาง 1 ผล + เนยถั่ว 1 ช้อนโต๊ะ + แคร็กเกอร์ธัญพืช 5 แผ่น

# ถ้า อาหารมื้อต่อไปจะมาถึงในอีก 4 ชั่วโมง ทานแอปเปิ้ลขนาดกลาง 1 ผล + เนยถั่ว 1 ช้อนโต๊ะ + แคร็กเกอร์ธัญพืช 5 แผ่น + นมสดชนิดพร่องไขมัน 1 แก้ว

แต่ ถ้ากินมังสวิรัติ ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการบริโภคอาหารเสริมธาตุเหล็กด้วย เพราะธาตุเหล็กที่ได้จากผักและผลไม้ ส่วนมากร่างกายจะดูดซึมได้ยาก

ถ้าอยากกินแต่ไม่อยากอ้วน ก็ลองกินตามวิธีที่แนะนำกันดูได้.

ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

8 ความลับของสาวผอมเพรียว



เราทุกคนคงต่างก็มีเพื่อนรูปร่างผอมบางกัน อย่างน้อยก็คนหนึ่งที่ดูเหมือนจะไม่เคยอ้วนขึ้นเลยสักที นั่นเพราะผลจากงานวิจัยแสดงให้เห็นว่าคนที่มีรูปร่างผอมบางมักไม่ได้คิดถึง เรื่องอาหารแบบเดียวกับคนอื่นๆ พวกเธอจะผ่อนคลายกับการกิน ขณะที่คนซึ่งน้ำหนักเกินส่วนใหญ่มักจะหมกหนุ่มกับเรื่องการกินมากกว่า ลองมาแอบดูว่าคนผอมๆ ทำหรือไม่ทำอะไร แล้วคุณจะเลียนแบบพวกเธอได้ยังไงบ้าง

1. พวกเธอเลือกอาหารที่ทำให้พึงพอใจมากกว่าอิ่มจนแน่นท้อง
ใน อัตราส่วนความอิ่มจาก 1 ถึง 10 ผู้หญิงรูปร่างผอมจะหยุดกินเมื่อถึงระดับ 6 หรือ 7 ขณะที่คนส่วนมากมักกินต่อไปจนถึงระดับ 8 หรือ 10 มันอาจเพราะคุณสำคัญผิดระหว่างความอิ่มกับความพึงพอใจ หรือคุณอาจเคยชินกับการกินทุกอย่างตรงหน้าจนหมดเกลี้ยงไม่ว่าคุณจะต้องการ มันจริงๆ หรือไม่ก็ตาม

วิธีเลียนแบบ เพื่อกินแบบเดียวกับผู้มีรูปร่างผอม วางช้อนลง และประเมินความอิ่มจากอัตราส่วน 1 ถึง 10 ทำแบบเดียวกันอีกครั้ง เมื่อเหลือสักห้าคำ เป้าหมายก็คือเพิ่มความรู้ตัวถึงความพึงพอใจของตัวเองในระหว่างการกิน (มันยังทำให้คุณกินช้าลงซึ่งให้โอกาสความอิ่มส่งสัญญาณเข้ามา)

2 . พวกเธอรู้ว่าความหิวไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน
คน ส่วนใหญ่ที่ดิ้นรนกับเรื่องน้ำหนักตัวมักมองความหิวเป็นสิ่งที่ต้องจัดการ อย่างเร่งด่วน ดังนั้น ถ้าคุณกลัวความหิว คุณอาจกินมากเกินไปอยู่เสมอ แต่คนผอมๆ จะทนได้มากกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงมัน

วิธีเลียนแบบ เลือกวันที่ยุ่งๆ เพื่อชะลอเวลาอาหารกลางวันออกไปอย่างจงใจสักหนึ่งหรือสองชั่วโมง หรือลองพยายามงดของว่างมื้อบ่ายสักหนึ่งวัน คุณจะเห็นได้ว่าตัวเองก็ยังสบายดีอยู่ จากนั้น ครั้งต่อไปที่คุณได้ยินเสียงท้องร้อง คุณจะหยุดตัวเองไม่ให้ตรงดิ่งไปยังตู้เย็นในทันทีได้

3. พวกเธอไม่ใช้อาหารเพื่อเยียวยาอารมณ์เศร้า
ไม่ใช่ว่าผู้หญิงรูปร่างผอมบางมีภูมิด้านทานต่อการกินตามอารมณ์ แต่พวกเธอมักจะรู้ตัว เวลาที่ทำอย่างนั้นและหยุดมันได้

วิธี เลียนแบบ ถ้าคุณหิวจริงๆ กินของว่างที่มีประโยชน์ อย่างเช่นถั่วหนึ่งกำมือ เพื่อหยุดตัวเองเอาไว้ ก่อนรออาหารมื้อต่อไป แต่ถ้า คุณหงุดหงิด เหงา หรือเหนื่อย ลองหาทางออกที่ปราศจากแคลอรี่ เช่น ออกไปวิ่งหรือกระโดดโลดเต้นไปมารอบๆ อัตราการเต้นของหัวใจที่เพิ่มขึ้นจะช่วยให้ความโกรธหายไป เหงาก็โทรหาเพื่อน หรือไปเดินเล่นที่ศูนย์การค้าหรือถ้าเหนื่อยก็ไปนอนเสียดีกว่า

4. พวกเธอกินผลไม้มากกว่า
งาน วิจัยเมื่อปี 2006 ใน Journal of the American Dieletic Association ระบุว่า โดยเฉลี่ยแล้วผู้หญิงรูปร่างผอมบาง มักกินผลไม้มากกว่าหนึ่งครั้งในแต่ละวัน กินเส้นใยอาหารมากกว่าและกินไขมันน้อยกว่าเมื่อเทียบกับคนอ้วน

วิธี เลียนแบบ ลองเริ่มสำรวจการกินของคุณเพื่อหาทางเพิ่มผลไม้ (ไม่ใช่น้ำผลไม้นะ) เข้าไป ตั้งเป้ากินให้ได้สองหรือสามส่วนต่อวัน เช่น เพิ่มผลไม้ลงไปในอาหารแต่ละมื้อ หรือกินผลไม้เป็นของหวาน

5. พวกเธอสร้างความเคยชิน
การ กินอาหารหลากหลายเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าหลากหลายมากเกินไปก็อาจส่งผลเสียได้ งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าการกินอาหารที่มีรสชาติแตกต่างกันมากเกินไปทำให้คุณ ยิ่งกินมากขึ้น คนผอมมักจะมีรูปแบบของการกินที่วางแผนมาแล้วอย่างดี มีของแปลกๆ เพิ่มเข้ามา 2-3 อย่าง แต่ส่วนใหญ่อาหารของพวกเธอจะคาดเดาได้

วิธี เลียนแบบ ลองกินอาหารหลักๆ ซ้ำกันในแต่ละมื้อ เช่น กินซีเรียลตอนเช้า กินสลัดตอนกลางวัน กินปลาตอนเย็น เป็นต้น มันโอ.เค. ที่จะเพิ่มทูน่าหรือไก่ย่าง เข้าไปกับสลัดผักในบางวัน แต่การกินกับอาหารหลักๆ ที่เดาได้ คุณจะจำกัดโอกาสที่จะกินมากเกินไปได้

6. พวกเธอรู้จักการควบคุมตัวเอง
งาน วิจัยที่มหาวิทยาลัย Tufts พบว่า ปัจจัยที่ทำนายได้ถึงการมีน้ำหนักขึ้นของผู้หญิงในวัย 50 และ 60 คือระดับของความยับยั้งชั่งใจ ผู้หญิงที่มีความยับยั้งชั่งใจสูงจะมีดัชนิมวลกายต่ำกว่า

วิธีเลียน แบบ เตรียมพร้อมสำหรับช่วงเวลาที่คุณมักจะขาดความยับยั้งชั่งใจอย่างมาก เช่น ท่ามกลางบรรยากาศการเฉลิมฉลองหรือเวลาอยู่กับเพื่อน ถ้าคุณชอบกินตอนงานเลี้ยง บอกตัวเองว่าคุณจะกินของว่างแค่หนึ่งชิ้นในรอบที่สี่ ซึ่งมันถูกส่งผ่านมา ถ้าคุณกินมื้อค่ำนอกบ้านลองสั่งอาหารมาแบ่งกันกับเพื่อน หรือถ้าคุณเครียด ก็ให้แน่ใจว่าคุณมีของว่างที่เคี้ยวได้ (อย่างเช่น ผลไม้หรือแครอตแท่ง) เอาไว้ใกล้มือ

7. พวกเธอชอบเคลื่อนไหว
โดย เฉลี่ยผู้หญิงรูปร่างผอมจะยืนมากกว่า 2 ชั่วโมงครึ่งในแต่ละวัน ที่สามารถช่วยเผาผลาญได้ 33 ปอนด์ต่อปี นี่เป็นผลจากการศึกษาของลินิกเมโย ในเมืองโรเชลเตอร์ สหรัฐฯ

วิธีเลียนแบบ การศึกษาแสดงให้เห็นว่าคนเรามักประเมินความแอ็คทีฟของตัวเองเกินจริง คนส่วนใหญ่มักใช้เวลา 16-20 ชม. ในแต่ละวันไปกับการนั่ง ใส่เครื่องนับก้าวเพื่อดูว่าคุณเข้าใกล้จำนวน 10,000 ก้าวแค่ไหน และในแต่ละวันคุณควรออกกำลัง 30 นาที รวมกับการเคลื่อนไหวอื่นๆ เช่น การเดินขึ้นบันได

8. พวกเธอนอนหลับสนิท
ผู้หญิง ที่ผอมบางมักนอนมากกว่า 2 ชม. ต่อสัปดาห์ เมื่อเทียบกับคนน้ำหนักเกิน งานวิจัยของโรงเรียนแพทย์อีสเทิร์นเวอร์จิเนียบอกเช่นนั้น นักวิจัยเชื่อว่าการนอนน้อยทำให้ระดับของฮอร์โมนที่ช่วยกดความอยากอาหาร (Lepfin) ต่ำลง และระดับของฮอร์โมนที่เพิ่มความอยากอาหาร (Ghrelin) สูงขึ้น

วิธี เลียนแบบ ลองชั่วโมงต่อสัปดาห์ก็คือประมาณ 17 นาที/ต่อวัน ซึ่งสามารถทำได้ง่ายกว่ามาก แม้คุณจะงานยุ่งเพียงใดก็ตาม เริ่มต้นตรงนั้นและค่อยๆ เพิ่มเวลานอนให้ได้วันละ 8 ชม. ในแต่ละคืน ซึ่งเป็นปริมาณที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ใหญ่ส่วนมาก

ขอบคุณที่มาจาก นิตยสาร Lisa

วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สูตรลดน้ำหนักจากทั่วโลก



เริ่ม เข้าหน้าร้อน สาวๆ หลายคนคงกำลังวางแผน ไดเอต ด้วยการอดอาหารตั้งแต่ตอนนี้ เพราะจะได้ใส่ชุดบิกินี อวดหุ่นสวยกลางชายหาดได้อย่างมั่นใจ แต่รับรองได้ไม่เกินสองสัปดาห์คุณจะรู้สึกหดหู่ หิวโหย และจะกระโจนเข้ากินอาหารทุกอย่างที่ขวางหน้าในปริมาณที่มากกว่าเดิมอีก ลองมาปฏิวัติชีวิตการกินอยู่ ด้วยสูตรลดน้ำหนักจากทั่วโลกนี้ดูจะได้ผลกว่า

ฝรั่งเศส
เคย สงสัยไหมว่า ทำไมผู้หญิงฝรั่งเศสไม่อ้วน นั่นเป็นเพราะพวกเธอกินอาหารวันละสามมื้อ จากงานวิจัยศึกษาพบว่า คนที่กินมื้อเช้าจะผอมกว่าคนที่งดมื้อเช้า อีก ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สาวฝรั่งเศสมักจะผอม ก็คือ มีการเคลื่อนไหวร่างกายมากกว่า อย่างเช่นการเดิน ไม่ใช่ใช้เวลาออกกำลังในห้องยิมมากกว่าดร.วิลล์ โคลเวอร์ ผู้เขียน ‘ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับไขมัน : เคล็ดลับอาหารฝรั่งเศสสู่การลดน้ำหนักอย่างถาวร (The Fat Fallacy : The French Diet Secrets to Permanet Weight Loss)’ ได้อธิบายไว้ว่า การ กินและดื่มไม่ใช่สิ่งที่ควรจะทำ ขณะที่คุณกำลังทำอย่างอื่นอยู่ เพราะขณะที่คุณจดจ่อกับงาน หรือโทรทัศน์ คุณมักจะกินมากเกินโดยไม่รู้ตัวและเสิร์ฟอาหารปริมาณน้อย แต่อุดมด้วยคุณภาพของอาหารในแต่ละจาน

มาเลเซีย
ใส่ ขมิ้นลงในอาหาร โดยเครื่องเทศชนิดนี้เป็นส่วนประกอบสำคัญของแกงกะหรี่ พบได้ในป่าแถบมาเลเซีย สารสำคัญในขมิ้นคือเคอร์คูมิน จะช่วยสลายไขมันได้ดี การศึกษาล่าสุดของมหาวิทยาลัยทัพต์รายงานว่า สารชนิดนี้มีฤทธิ์ยับยั้งการเติบโตของเนื้อเยื่อ และเพิ่มการเผาผลาญไขมัน

ญี่ปุ่น
การ กินซุปหรือน้ำแกงโดยเฉพาะที่ทำจากผักก่อนอาหารจานหลัก จะทำให้อิ่มท้องได้ส่วนหนึ่ง และจะกินอาหารน้อยลง อาหารของคนญี่ปุ่นแต่ละมื้อจะพยายามให้มีครบทั้งห้าสี คือ แดง ฟ้าอมเขียว เหลือง ขาว และดำ โดยมีส่วนประกอบอย่างพริกใหญ่สีแดง บวบ บร็อกโคลี หอมหัวใหญ่ ถั่วดำ หรือมะกอกดำ


แอฟริกาใต้
ดื่ม ชาแดงหรือรอยบอส ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมมากในแอฟริกาใต้ รสชาติจะเข้มข้นกว่าชาเขียว มีความหวานในตัวตามธรรมชาติ ทำให้ไม่ต้องเติมน้ำตาล

1. ปรุงอาหารจานพิเศษของคุณ ด้วยการใส่เห็ดชนิดต่างๆ ลงไป เช่น เห็ดนางรมหรือเห็ดเครมินี (เห็ดสีน้ำตาล) จะทำให้ช่วยอิ่มท้องโดยไม่เพิ่มแคลอรี
2. พาสต้า คลุกกับกุ้ง ผัก และน้ำมันมะกอก จะทำให้คุณอิ่มได้โดยไม่เพิ่มแคลอรีด้วยเช่นกัน เพราะปริมาณเส้นใยอาหารที่มากพอ ไขมันในปริมาณพอดี มีโปรตีนต่ำ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Woman plus

วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

วิธีลดน้ำหนักทันใจ



วิธีลดน้ำหนักทันใจ

* เพิ่มปริมาณผักในมื้ออาหารมากขึ้น แทนที่จะกังวลหรือจำกัดปริมาณอาหารที่จะรับประทานในแต่ละมื้อ ทั้งนี้เพื่อให้ร่างกายอิ่มพอดี ไม่รับประทานอาหารในปริมาณมากจนเกินพอดี

* ระวังน้ำสลัด อาหารประเภทสลัดที่หลายคนนิยมรับประทานเพราะเข้าใจว่าให้พลังงานต่ำ อาจเร่งให้น้ำหนักยิ่งเพิ่มมากขึ้น เนื่องมาจากน้ำสลัดชนิดต่างๆ ที่มีส่วนผสมของมายองเนส ไข่แดงหรือน้ำมันมาก รวมทั้งของที่โรยหน้าสลัด เช่น ชีสขูดฟอย ขนมปังอบกรอบหรือเบคอนทอด

* มีความสุขกับรสชาติอาหาร สาเหตุของผู้ที่รับประทานอาหารปริมาณมากเกินมาจากอาหารที่มีรสชาติคุ้นเคย ยิ่งอร่อยถูกใจก็ยิ่งรับประทานเร็วและมากแบบไม่รู้ตัว ดังนั้นหากชอบรับประทานอาหารเมนูใดให้ค่อยๆ ชิมและรับรู้รสชาติอาหารช้าๆ แทนที่จะเคี้ยวและรีบกลืน เพื่อป้องกันการรับประทานมากเกิน

* ใช้ภาชนะเล็กเพื่อควบคุมปริมาณอาหาร จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยคอร์เนลทดลองเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของขนาดจานที่ ใส่และความต้องการในการรับประทานอาหาร พบว่า มากกว่า 53% ของคนที่รับประทานขนมที่ใส่ในชามใหญ่จะขอเติมมากกว่าขนมที่ใส่ชามเล็ก ส่วนมหาวิทยาลัยอีลินอยส์ ทดลองด้วยการใส่น้ำผลไม้ในแก้ว 2 รูปทรงคือ ทรงสูงและแคบ กับเตี้ยและกว้าง จากการเสริ์ฟพบว่าคนที่ดื่มน้ำผลไม้แก้วสูงและแคบ ขอเติมน้ำผลไม้น้อยกว่าคนที่ดื่มจากแก้วเตี้ยและกว้าง

* จดรายการอาหารที่รับประทานทุกวัน เพื่อตรวจสอบว่ารับประทานอาหารชนิดใดเข้าไปบ้างในแต่ละวัน ทั้งนี้จะทำให้ตนเองรู้จักควบคุมและปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหารได้ในมื้อ ต่อๆ ไป

สุดท้ายเพื่อให้ได้ผลดังที่ตั้งใจไว้ อย่าลืมออกกำลังกายควบคู่อย่างเหมาะสมด้วยนะคะ

ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today

วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สูตรลดความอ้วน สูตรที่ 5



สูตรการลดน้ำหนักอีกหนึ่งสูตรที่ใช้ได้ผลจริง ขอขอบคุณขอมูลจาก คุณ โดย คุณโคอาล่าน้อย ห้อง pantip


วันที่ 1
เช้า ชา กาแฟ น้ำส้ม ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น ไข่ต้ม 1 ฟอง ผักต้ม ผลไม้ น้ำเปล่า
กลางวัน ชา กาแฟ น้ำส้ม ปลานึ่ง ผักต้ม ขนมปังปิ้ง น้ำเปล่า
เย็น ผักต้มต่าง ๆ เนื้อย่างหรือนึ่ง น้ำส้ม น้ำเปล่า


วันที่ 2
เช้า น้ำส้ม นมสด ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น ไข่ต้ม 1 ฟอง ผลไม้ น้ำเปล่าเยอะ ๆ
กลางวัน น้ำส้ม ขนมปังกรอบ ผักสดจิ้มน้ำจิ้ม ผลไม้ ยำผักต่าง ๆ
เย็น น้ำส้ม เนื้อปลานึ่ง ผลไม้ นมสด


วันที่ 3
เช้า น้ำส้ม นมสดแก้วเล็ก ขนมปังปิ้ง ผลไม้ โยเกริ์ต
กลางวัน น้ำส้ม ขนมปัง ไข่ต้ม ผักต้มหรือยำผัก ส้มตำ ปลา/เนื้อนึ่ง ผักต้ม
เย็น
น้ำส้ม น้ำเปล่า ผลไม้ นมสด 

วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สูตรลดความอ้วน สูตรที่ 4



สูตรการลดน้ำหนักอีกหนึ่งสูตรที่ใช้ได้ผลจริง ขอขอบคุณขอมูลจาก คุณ โดย คุณโคอาล่าน้อย ห้อง pantip


วันที่ 1
มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล ส้มโอ 1/2 ผล ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น ถั่วเหลืองในซอสมะเขือเทศ
มื้อกลางวัน : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล ปลาทูน่า 4 ออนซ์ ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
มื้อเย็น : แฮม 2 แผ่น ถั่วฝักยาวต้ม 4 ออนซ์ (ประมาณ 115 กรัม) ไอศกรีมวนิลา 4 ออนซ์ บีทรูทต้ม 4 ออนซ์


วันที่ 2
มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น ไข่ต้ม 1 ฟอง กล้วยหอม 1/2 ผล
มื้อกลางวัน : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล แคร๊กเกอร์ (แบบเค็ม) 5 แผ่น Coltage Cheese (คล้ายโยเกิร์ต) ของโฟร์โมสต์ 120 กรัม
มื้อเย็น : แฮม 2 แผ่น บร็อคคอลรี่ต้ม 4 ออนซ์ แครอทต้ม 4 ออนซ์ ไอศกรีมวนิลา 4 ออนซ์ กล้วยหอม 1/2 ผล


วันที่ 3
มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล แคร๊กเกอร์ (แบบเค็ม) 5 แผ่น Cheddar Cheese 1 แผ่น แอ๊ปเปิ้ล 1 ผล
มื้อกลางวัน : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น ไข่ต้ม 1 ฟอง
มื้อเย็น : ปลาทูน่า 4 ออนซ์ บีทรูทต้ม 4 ออนซ์ ไอศกรีมวนิลา 4 ออนซ์ ดอกกระหล่ำต้ม 4 ออนซ์ แคนตาลูป 1/2 ผล


หมายเหตุ
2. แคร๊กเกอร์ต้องเป็นรสเค็ม
3. ปลาทูน่าและถั่วฝักยาวอาจแช่แข็งได้
• ขนมปัง ให้ปิ้งจนแห้ง ไม่ทาอะไรเลย
• เนื้อ – ต้องไม่ติดมัน นึ่งหรือย่างเท่านั้น
• ผัก – จะต้มจิ้มน้ำจิ้ม หรือยำก็ได้ เช่น แครอท ดอกผักกาด
• ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ หรือ ดื่มน้ำส้ม
• โยเกิร์ต ทานครั้งละถ้วยเล็ก ๆ ต่อวัน
• ผลไม้ เช่น ส้ม สับปะรด แคนตาลูป แอปเปิ้ล กล้วย
• เครื่องดื่มต้องไม่ใส่น้ำตาล
(4 ออนซ์ = 100 กรัม = 1 ขีด) 

วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สูตรลดความอ้วน สูตรที่ 3



สูตรนี้สามารถลดความอ้วน 9 กิโลกรัม ภายใน 2 อาทิตย์


วันที่ 1
เช้า...ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้าตาล
กลางวัน... ไข่ต้มสองลูก+ผักต้ม
เย็น...สเต็กกับสลัดผักน้ำใส และผลไม้


วันที่ 2
เช้า...ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้าตาล+ขนมปังโฮลวีตปิ้ง 1 แผ่น
กลางวัน... สเต็กหรือเนื้อหมู เนื้อวัวย่างก็ได้+สลัดผักเขียวและผลไม้
เย็น...แฮมแผ่นต้มปริมาณเท่าไรก็ได้ตามใจ


วันที่ 3
เช้า...ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้าตาล+ขนมปังโฮลวีตปิ้ง 2 แผ่น
กลางวัน...ไข่ต้ม 2ฟอง+สลัด+แครอท
เย็น...แฮมแผ่นต้มปริมาณเท่าไรก็ได้ตามใจ


วันที่ 4
เช้า...ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้าตาล+ขนมปังโฮลวีตปิ้ง 1 แผ่น
กลางวัน..ไข่ต้ม 1 ฟองกับแครอทต้ม
เย็น...ผลไม้และโยเกริ์ตรสธรรมชาติ


วันที่ 5
เช้า...ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้าตาล
กลางวัน...ปลาเผาหรือปลาย่างกับผักต้ม
เย็น...เต็กหรือเนื้อย่างไม่ติดมัน+สลัดผักสดน้ำใส


วันที่ 6
เช้า...ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้าตาล
กลางวัน...ไก่ย่างไม่ติดหนัง
เย็น..ไข่ต้มสองฟองและแครอทต้ม


วันที่ 7
เช้า...กาแฟหรือชาบีบมะนาว ไม่ใส่น้ำตาล
กลางวัน...ผลไม้อะไรก้ได้ในปริมาณที่ต้องการ
เย็น..อะไรก็ได้ทุกอย่างที่อยากทานไม่จำกัดปริมาณ


สูตรนี้มาจากหนังสือ looking good ของคุณ ภัทรียา ณ นคร


ผู้ เขียนบอกว่า เมื่อทานครบทั้ง 7 วันก็ให้เริ่มวันที่ 8 โดยย้อนกลับไปใหม่ ถ้าทำได้ตามสูตรเป๊ะ โดยไม่ดื่มน้ำอัดลม+แอลกอฮอลล์ จะลดความอ้วนได้ 9 กก.ใน 2 อาทิตย์ โดยไม่เกิดปฏิกิริยาโยโย่ ซึ่งพอหยุดแล้วอ้วนขึ้นมากกว่าเก่า 

วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สูตรลดความอ้วน สูตรที่ 2



สูตรนี้นำมาจาก Pantip ห้องจตุจักร ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้
วันที่ 1
เช้า กาแฟ หรือ ชา ไม่ใส่น้ำตาลและครีมเทียม 1 ถ้วย
ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น (โฮลวีทได้ก็จะดีมาก)
ถั่ว baked bean 120 กรัม (ถั่วในซอสมะเขือเทศ)
ส้ม 1 ลูก
กลางวัน กาแฟ หรือชา 1 ถ้วย
ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
ปลาทูน่า 120 กรัม


เย็น ถั่วฝักยาวต้ม 120 กรัม
บีทรูท หรือ แครอท ต้ม 120 กรัม
แฮมไก่ 2 แผ่น (หมูไม่ได้)
ไอศกรีม วานิลา 1 ถ้วยเล็ก


วันที่ 2
เช้า กาแฟหรือ ชา 1 ถ้วย
ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
ไข่ต้ม 1 ฟอง
กล้วยหอม 1/2 ผล
กลางวัน แครกเกอร์แบบเค็ม 5 แผ่น
ชีส low fat 1 แผ่น (อาจเปลี่ยนเป็น โยเกิร์ตรสธรรมชาต)


เย็น บล๊อคโครี่ กับแครอท ต้ม อย่างละ 120 กรัม
แฮมไก่ 2 แผ่น
กล้วยหอม 1/2 ผล
ไอศกรีม วานิลา 1 ถ้วยเล็ก


วันที่ 3
เช้า กาแฟหรือ ชา 1 ถ้วย
แครกเกอร์ เค็ม 5 แผ่น
ชีส low fat 1 แผ่น
แอ๊ปเปิ้ล 1 ผล
กลางวัน กาแฟหรือชา 1 ถ้วย
ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
ไข่ต้ม 1 ลูก


เย็น ดอกกะหล่ำต้ม กับ แครอท อย่างละ 120 กรัม
ทูน่า 120 กรัม
แตงไทย หรือ แคนตาลูป 1 ชิ้น
ไอศกรีมวานิลา 1 ถ้วยเล็ก


จบแล้ว สำหรับสูตร 3 วัน เห็นเพื่อนๆ ลดได้คนละ 2-3 กก. ขอให้โชคดีนะจ๊ะ อย่าลืมออกกำลังกาย 

เนื้อหาแบบสุ่ม