เนื้อหาแบบสุ่ม
วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554
สูตรลดความอ้วน สูตรที่ 1
สูตรนี้ถ้าปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และไม่โกงตัวเอง รับรองว่าจะลดน้ำหนักได้สัปดาห์ละ 5 กิโลกรัมโดย 3 วันแรกลดได้ถึง 3 กิโลกรัม ข้อห้าม งดเหล้า ไวน์ น้ำหวาน น้ำอัดลมทุกชนิด ชา กาแฟ ได้นิดหน่อย แต่ห้ามใส่น้ำตาล ห้ามรับประทานถั่ว ,ข้าวโพด ทุกชนิด
เริ่มวันแรก รับประทานผลไม้ทุกมื้อ โดยเฉพาะ แตงทุกชนิด เพราะมีแคลอรีต่ำ (ยกเว้นแตงกวา) ไม่มีแป้ง น้ำตาล (ส่วนอย่างอื่นงดหมด)
วัน ที่สอง จะเป็นผักทุกชนิด เช่น สลัดผัก มันฝรั่งนึ่งหรือเผา 1 หัว ใส่เนยก้อนเล็กๆเกลือ พริกไทย ซอสมะเขือเทศเพิ่มรสชาติ หรือจะดัดแปลงเป็นอาหารไทย เช่น เห็ดผัดกับน้ำพริกแกง,น้ำพริกเผา ช่วยให้ไม่เบื่ออาหาร (ที่สำคัญอย่างอื่นต้องงดเช่นเดียวกัน)
วันที่สาม ผักและผลไม้ ผสมกันรับประทานได้ทั้งวัน
วันที่สี่ กล้วยหอม 3 ใบ แบ่งรับประทานมื้อละ 1 ใบ ตามด้วยนมพร่องไขมัน มื้อละ 1 แก้ว
วัน ที่ห้า สามารถทานเนื้อสัตว์ได้ 10-20 กรัม (ประมาณชิ้นหรือสองชิ้นเล็กๆนั่นแหละ) ทานกับมะเขือเทศ 6 ลูก โดยน้ำไปอบ หรือย่าง แล้วลอกเปลือกออก แบ่งรับประทานเป็น 2-3 มื้อก็จะดี
วันที่หก รับประทานได้ทั้งเนื้อปลา ไก่ เนื้อ ทั้ง 3 มื้อ แค่พออิ่ม โดยรับประทานกับสลัดผัก
วัน ที่เจ็ด วันสุดท้ายแล้ว ให้เป็นข้าวซ้อมมือ กับผัก (ไม่มีเนื้อสัตว์) แนะนำให้นำข้าวไปคลุก น้ำปลา หรือผัดกับน้ำพริกเผา ผัดร้อนๆ โดยใส่ผักลงไปด้วยก็ได้ โดยไม่มีเนื้อสัตว์
เมื่อครบ 7 วัน ก็หมุน เมนูไปรับประทานเหมือนวันแรก ทำเช่นนี้เป็นประจำทุกสัปดาห์ หรือจะเสริมด้วยซุปที่รับประทานได้ทุกวัน (ยกเว้นวันแรก)
ซุปสูตรลดความอ้วน
ประกอบด้วย
เซลอรี 1 ต้น
กะหล่ำปลี
หอมหัวใหญ่ 6 หัว
พริกยักษ์ 1 เม็ด
มะเขือเทศ 4 ลูก
หั่นใส่รวมกัน ใส่น้ำพอท่วมผัก เติมพริกไทย เกลือ ซอสพริก เพื่อเพิ่มรสชาติ ต้มจนเปื่อย
วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2554
ลดน้ำหนักได้โดยไม่ต้องอด
เซลลูไล ท์ที่ขา สะโพกที่ใหญ่ ไขมันที่หน้าท้องเป็นสิ่งไม่พึงประสงค์สำหรับสาวๆ ใครมีไขมันส่วนเกินก็กลัวว่าจะใส่เสื้อผ้าที่แอบเซ็กซี่นิดๆ แล้วไม่สวย จึงหันไปไดเอท อดอาหาร ออกกำลังกายหักโหม เพื่อรีดไขมัน พวกนี้ออกไป แต่ผู้ที่เริ่มไดเอท ส่วนมากก็จะเลิกไดเอทเอาง่ายๆ น้ำหนักที่ลดลงกลับเพิ่มขึ้นมาใหม่ และอาจมากกว่าเดิม
คง จะเคยได้ยินคนที่กำลังลดน้ำหนักพูดว่า ทำไม่ได้เพราะอดใจไม่ไหว หรือ ตบะแตก กันบ้าง นั่นเป็นเพราะอดอาหารมากเกินไป โดยเฉพาะห้ามตนเองกินสิ่งที่ชอบ อาหารช่วงไดเอทอาจซ้ำซากจำเจ เมื่ออดมากๆ ตลอดทั้งวัน ทำให้ไม่มีแรง รู้สึกหิวโหยในช่วงเย็น และลงเอยโดยการกินทุกอย่างที่ขวางหน้า สิ่งที่ตามมาคือความรู้สึกผิดที่ไม่สามารถควบคุมตนเองได้ เสียความมั่นใจในตนเอง วงจรของการลดน้ำหนักเป็นไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ลดน้ำหนักได้...ไม่ต้องอด
มาเลิกไดเอทกันเถอะค่ะ
ถ้า คุณเผชิญกับปัญหาน้ำหนักขึ้นๆ ลงๆ จากการไดเอท คุณควรรู้จักวิธีจัดการกับอาหารที่ชอบ ไม่ใช่ปฏิเสธโดยสิ้นเชิง คุณสามารถรับประทานอาหารที่ชอบได้ทุกวันในปริมาณที่พอเหมาะ การทำเช่นนี้จะทำให้ความอยากอาหารลดลง การลดน้ำหนักจะประสบผลสำเร็จและถาวรมากขึ้น
การลดน้ำหนักเพื่อให้สุขภาพดี และประสบความสำเร็จนั้นต้องให้ความสำคัญกับ
* ปริมาณอาหารที่รับประทาน
* เวลาที่รับประทาน
* ทำไมถึงรับประทาน
ก่อน ที่จะตั้งเป้าหมายว่าจะลดน้ำหนักลงเท่าใดนั้น ควรประเมินสรีระของร่างกายตนเองก่อน ผู้ที่หนัก 130 กิโลกรัม และมีไขมันในตัวมาก จะลดน้ำหนักลงได้ง่ายกว่าและเร็วกว่าผู้ที่มีกล้ามเนื้อเยอะ และต้องการลดน้ำหนักลงเพียงแค่ 5 กิโลกรัม พันธุกรรมก็มีส่วนเป็นตัวกำหนดน้ำหนักที่ควรเป็นด้วยเหมือนกัน
7 ขั้นตอนเพื่อลดไขมันส่วนเกิน
* จดบันทึกอาหารที่รับประทาน และเครื่องดื่มต่างๆ อย่างน้อย 3 วัน นอกจากนี้ควรบันทึกว่าทำไมถึงรับประทาน อาจจะไม่ใช่เพราะความหิว แต่เป็นเพราะ อยาก เบื่อ เหงา เศร้า หรือหงุดหงิด งานวิจัยพบว่าผู้ที่จดบันทึกอาหารสามารถลดน้ำหนักได้ผลดีกว่าผู้ที่ไม่ บันทึก การจดบันทึกนี้จะทำให้เห็นแบบอย่างลักษณะการบริโภคที่นำไปสู่ความอ้วนได้ เช่น ใช้ขนมเป็นตัวปลอบใจขณะที่รู้สึกเศร้า หรือรับประทานอาหารในช่วงวันน้อยมาก จึงทำให้หิวมากในช่วงเย็น เป็นต้น เมื่อทราบเช่นนี้จะช่วยให้มีกลยุทธ์ในการแก้ไขพฤติกรรมอย่างถูกต้อง อาจเป็นการหาวิธีอื่นที่ไม่ใช้อาหารเป็นการปลอบใจหรือเป็นรางวัล เช่น การคุยกับเพื่อน ออกไปเดินเล่น ทำสวน ทำเล็บ อาบน้ำสัตว์เลี้ยง เป็นต้น นอกจากนี้ควรบันทึกเวลาที่ออกกำลังกายด้วย เพื่อดูนิสัยการออกกำลังกาย
* เน้นมื้อเช้าและมื้อเที่ยง เพราะจะทำให้มีแรงทำงาน และออกกำลังกายในช่วงเย็น ถ้าต้องการพลังงานวันละ 1300 แคลอรี่ ให้แบ่งแคลอรี่แต่ละมื้อเป็น 500-500-300 (เช้า-กลางวัน-เย็น)
* รับประทานอาหารช้าๆ งานวิจัยพบว่าผู้ที่มีน้ำหนักเกินมักมีพฤติกรรมรับประทานอาหารเร็วกว่าสมอง จะใช้เวลารับรู้ว่าท้องอิ่มประมาณ 20 นาที ดังนั้นการกินอาหารช้าๆ จะทำให้ได้รับรู้รสชาติของอาหารมากขึ้น ทำให้เกิดความพึงพอใจ เพลิดเพลินกับการรับประทาน ถ้าใครรู้ว่าตัวเองมีนิสัยการกินอาหารเร็วควรฝึกตนเองให้กินช้าลง โดยวางช้อนส้อมระหว่างคำ เคี้ยวอาหารให้ละเอียด ใช้เวลาพูดคุยกับครอบครัวหรือเพื่อนที่รับประทานด้วย
* เลือกรับประทานที่ชอบ การปฏิเสธอาหารที่ชอบจะทำให้มีความอยากมากขึ้น จนทนไม่ไหว ควบคุมตนเองไม่ได้ และทำให้กินอาหารมากเกินควรภายหลัง แต่ถ้าอนุญาตตนเองให้กินอาหารที่ชอบที่อยากกินในปริมาณที่พอเหมาะจะทำให้ ความอยากอาหารลดน้อยลงและสามารถควบคุมตนเองได้ อาจใช้วิธีแลกเปลี่ยนอาหาร เช่น ถ้าอยากรับประทานโดนัท 1 ชิ้น 200 แคลอรี่ ให้ลดปริมาณข้าวลง 2 ทัพพี และเลือกอาหารไขมันต่ำในมื้อถัดไป การวางแผนล่วงหน้าจะป้องกันการรับประทานอาหารมากเกินควร
* หลีกเลี่ยงการมีขนมไว้ยั่วยวนใจ โดยการไม่ซื้อมาเก็บไว้ที่บ้าน หรือถ้าซื้อมาให้คนอื่นในครอบครัวให้เก็บไว้ในตู้ เพราะถ้าไม่เห็นก็จะไม่นึกถึง และไม่เอาเข้าปาก ถ้าคุณเป็นคนที่ใช้เวลาส่วนมากอยู่ในครัว อาจพิจารณาย้ายไปห้องนั่งเล่นเพื่อทำกิจกรรมอื่นหรือเพื่อผ่อนคลาย ถ้าไปเดินเล่นห้างสรรพสินค้าพยายามหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีอาหารขายเยอะๆ เวลากลับมาบ้านแทนที่จะเดินเข้าห้องครัวทันทีเพื่อหาอะไรรับประทาน ให้เปลี่ยนเส้นทางเป็นเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และพักผ่อนก่อนที่จะเข้าห้องครัว
* มีแบบแผนการรับประทานที่มีความเป็นไปได้ นั่นคือมีความยืดหยุ่นกับตนเองบ้าง ชีวิตเราในแต่ละวันมีความแตกต่างกันออกไป บางวันเครียด บางวันสบาย บางวันมีงานเลี้ยง ถ้าเผลอรับประทานเยอะหน่อยที่งานเลี้ยงก็ไม่ต้องลงโทษตัวเองจะทำให้ชีวิตไม่ มีความสุข ให้เลือกอาหารที่ เบาๆ ในวันถัดมา จะไม่ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่ม
* จัดตารางเวลาให้กับการออกกำลังกายและจดลงในสมุดนัด โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ออกกำลังกายเป็นประจำและมีงานยุ่ง ประโยชน์ของการออกกำลังกายนั้นมีมากมาย นอกจากจะเป็นวิธีเผาผลาญพลังงานแล้วยังช่วยคลายเครียด กระชับกล้ามเนื้อและทำให้มีสุขภาพดี แต่ข้อสำคัญคือ ควรเพลิดเพลินสนุกไปกับการออกกำลังกายด้วย เพราะถ้าใช้การออกกำลังกายเป็นบทลงโทษตนเอง หรือเพื่อเพียงเผาผลาญพลังงานแล้วจะทำให้รู้สึกเบื่อและเลิกไปในที่สุด ควรเลือกกิจกรรมที่ชอบ ไม่ว่าจะเป็นว่ายน้ำ เดิน วิ่ง โยคะ หรือเต้นลาตินก็ตาม แนะนำให้ออกกำลังกาย 30-60 นาที 4-7 วันต่อสัปดาห์ เพื่อให้สุขภาพแข็งแรง และป้องกันการเพิ่มน้ำหนัก
การลดน้ำหนักเป็นเรื่องที่พูดกันง่ายแต่ทำกันยาก นี่อาจเป็นเพราะมีข้อมูลและผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการลดน้ำหนักมากมายทำให้ผู้ ที่อยากลดน้ำหนักสับสนกับข้อมูล ความเชื่อๆ ผิดอย่างหนึ่ง คือ อาหารประเภทแป้งทำให้อ้วน ตัวแป้งเองไม่ได้ทำให้อ้วน แต่การได้รับแคลอรี่เกินกว่าที่ใช้จะทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น แป้งและโปรตีนมีพลังงาน 4 แคลอรี่ต่อกรัม เทียบกับไขมันที่มี 9 แคลอรี่ต่อกรัม และแอลกอฮอล์ที่มี 7 แคลอรี่ต่อกรัม อาหารประเภทแป้งที่มีไขมันแฝงอยู่มีมากมาย เช่น ขนมปัง ขนมปังกรอบ ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ต่างๆ โรตี ขนมน้ำกะทิ ขนมทอดกรอบ และอื่นๆ อาหารประเภทแป้งที่มีไขมันสูงนี้มักมีน้ำตาลสูงด้วย และมีแคลอรี่สูง การรับประทานอาหารประเภทนี้เป็นประจำหรือในปริมาณมากนั้นจะทำให้มีพลังงาน สะสม และทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ อาหารประเภทแป้งที่มีประโยชน์ได้แก่ ข้าวซ้อมมือ เส้นต่างๆ เมล็ดถั่วธัญพืช มีวิตามิน แร่ธาตุและไฟเบอร์ ที่ทำให้รู้สึกอิ่มท้อง ควรเลือกอาหารประเภทแป้งที่มีประโยชน์พวกนี้ เป็นส่วนมาก
ลดน้ำหนักได้...ไม่ต้องอด
วิธี ลดน้ำหนักที่กำลังเป็นที่นิยมมากในตอนนี้คือ ไดเอทแบบโปรตีนสูง นั่นคือ อดอาหารประเภทแป้ง รับประทานแต่โปรตีนกับผัก วิธีลดนำหนักแบบนี้จะทำให้น้ำหนักลงได้เร็ว นั่นเป็นเพราะ
* ร่างกายขับน้ำออกมามาก คาร์โบไฮเดรตหรือแป้งทำให้กล้ามเนื้อกักน้ำไว้ เมื่อมีแป้งน้อยน้ำในกล้ามเนื้อจะน้อยลงตามด้วย
* เมื่อ อดอาหารประเภทแป้ง แคลอรี่ที่ได้รับในแต่ละวันจะลดลงด้วย ไม่เพียงแต่งดขนมปัง 2 แผ่น (160 แคลอรี่) เท่านั้น แต่คุณสามารถตัดแคลอรี่จากเนย 2 ช้อนชา (90 แคลอรี่) ที่ตามมาด้วย
* อาหาร ประเภทโปรตีนทำให้คุณรู้สึกอิ่มท้องนาน เพราะใช้เวลาในการย่อยนานจึงทำให้ไม่หิวบ่อย จนกระทั่งคุณมีความอยากอาหารประเภทแป้งอีก ซึ่งก็อาจทำให้คุณเลิกไดเอทได้ง่ายๆ เหมือนกัน มีงานวิจัยพบว่า หลังจาก 1 ปี ผู้ที่ลดน้ำหนักแบบโปรตีนไม่ได้มีน้ำหนักที่ลดลงแตกต่างจากผู้ที่ลดน้ำหนัก แบบคาร์โบไฮเดรตสูง ไขมันต่ำแต่อย่างใด ดังนั้นผู้ที่จะลดน้ำหนักควรพิจารณาดูว่า อาหารที่ตนชอบคืออะไร ถ้าชอบรับประทานแป้งก็ไม่ควรไปอด เพราะการลดน้ำหนักจะไม่ประสบความสำเร็จ
One Day Menu เมนูลดน้ำหนัก
มื้อเช้า :
* เต้าหู้หลอดกวน ใส่ต้นหอม
* มะเขือเทศ (ใช้เต้าหู้1/2 หลอด)
* ขนมปังโฮลวีท 2 แผ่น
* ทาเนยถั่วหรืองาบด 1 ช้อนโต๊ะ
* กล้วยน้ำว้า 1 ลูก
* กาแฟใส่นมพร่องไขมัน ½ ถ้วยตวง
มื้อเที่ยง :
* ขนมจีนน้ำยา 1 ชาม
* ผักตามชอบ
* แก้วมังกร 1/2 ผล
มื้อบ่าย :
* อัลมอนด์ 10 เม็ด
มื้อเย็น :
* สลัดยำปลาทูน่า 1 จาน ใช้ปลาทูน่าแพ็คในน้ำ ½ กระป๋อง
* มะม่วงสุก 1 ผล
* นมพร่องไขมัน 1 ถ้วย
เมนู นี้ให้พลังงาน 1,200 แคลอรี่ พลังงานที่ต้องการในการลดน้ำหนักจะแตกต่างกัน ในแต่ละคน ซึ่งคนส่วนมากได้รับพลังงานต่ำไปกว่า 1,200 แคลอรี่ ถ้าใครตัวสูงหรืออกกำลังกายมาก แนะนำให้เพิ่มพลังงานเป็น 1,500-1,800 แคลอรี่ต่อวัน
อย่าลืมว่าการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วโดย ควบคุมจนมากเกินไป ปฏิเสธอาหารที่ตนชอบจะไม่ได้ผลในระยะยาว ควรรับประทานอาหารให้หลากหลาย แต่ในปริมารที่พอเหมาะ จะทำให้น้ำหนักค่อยๆ ลง มีสุขภาพที่ดีด้วย
ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today
5 ท่า บริหาร อก ตึงกระชับ
ยืดเส้น ยืดสาย วันนี้มีท่าบริหารกระชับทรวงอก ซึ่งคุณทิพวรรณ ประเสริฐอดิศร ผู้จัดการฝึกอบรมผลิตภัณฑ์ 'คลาแร็งส์' แนะนำไว้ในงานเวิร์กช็อปดูแลทรวงอก เอาใจคุณผู้หญิงที่ไม่อยากให้อกหย่อนยานก่อนวัยอันควร
ท่าแรกเริ่มด้วยการกอดอก ตั้งฝ่ามือทั้งสองข้างและออกแรงดันต้านช่วงต้นแขนค้างไว้นาน 5 นาที ทำซ้ำ 5 - 10 ครั้ง
ถัดมาเป็นท่าที่ง่ายสุด ๆ เพียงแค่ฉีกยิ้มพร้อมกับยิงฟัน เห็นง่ายอย่างนั้นแต่ก็เป็นการยืดเหยียดกล้ามเนื้อบริเวณคางลงไปจนถึงช่วงแผงอก
ท่าที่สามให้หยิบสมุดมาสักเล่ม ใช้ท่อนแขนหนีบติดช่วงข้างลำตัวค้างไว้นาน 5 นาที ทำซ้ำท่านี้ 10 ครั้ง
เปลี่ยนสู่ท่าประนมมือ ให้ปลายนิ้วอยู่ในระดับจมูก แล้วออกแรงดันฝ่ามือเข้าหากันค้างไว้นาน 10 วินาที ทำให้ได้สัก 5 - 10 ครั้ง
ท่าปิดท้าย ประสานฝ่ามือแบบทวิส หรือหมุนฝ่ามือข้างหนึ่งให้ปลายนิ้วตรงกับตำแหน่งข้อมืออีกข้าง แล้วออกแรงดันเข้าหากัน ค้างไว้ราว 5 - 10 วินาที ทำไปเรื่อย ๆ จนครบ 10 ครั้ง
ทำบ่อย ๆ รับรองช่วยยืดอายุความเต่งตึงให้อยู่กับอกคู่สวยไปได้อีกนาน แต่ถ้าจะให้ดีควรใส่บราหรือเสื้อชั้นในพอกระชับไม่คับไม่หย่อนเกินไป เลี่ยงการใส่บราแบบบล็อก มีร่องห่างมาก ช่วงฐานของทรงเต้าควรเหมาะสมกับขนาดที่แท้จริง เพราะถ้าฐานเต้าใหญ่แต่เลือกใส่บราฐานแคบจะรัดอกและเกิดความอับชื้นจากเหยื่อ ส่งผลให้เนื้อเต้านมเหลว และสวมบราแบบสปอร์ตทุกครั้งที่เล่นกีฬา.
ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2554
10 ท่ากระชับสัดส่วนสวย
สาว ๆ วัยทำงานที่รู้สึกว่าตัวเองคือมนุษย์เงินเดือน ต่างก็ทุ่มเทเวลาให้กับการทำงาน หลังเลิกงานก็ตรงกลับบ้าน และเลือกที่จะดูแลตนเองเพียงแค่ควบคุมอาหารการกิน ดูแลผิวพรรณ และนอนหลับพักผ่อน เพราะหลายคนรู้สึกเหนื่อยเกินกว่าจะไปออกกำลังกายได้อย่างสม่ำเสมอ
และอาจจะต้องทนเมื่อยล้ากล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ เพราะฉะนั้น ลองหันมาออกกำลังกายในท่าง่าย ๆ ทำได้ที่บ้านทั้ง 10 ท่า ต่อไปนี้...
1.บริหารต้นขาและสะโพก ด้วยการนอนตะแคงข้าง ยกขาข้างหนึ่งขึ้น-ลง และสลับทำอีกข้าง
2.บริหารหน้าท้องและต้นขา ให้นอนหงาย ชันเข่าขึ้น ก่อนยกศีรษะไปทางด้านขวาพร้อมยกขาขวา หากยกศีรษะไปทางด้านซ้าย ก็ให้ยกขาซ้าย
3.บริหารช่วงเอว ยืนตรงแยกขาทั้งสองข้างห่างพอประมาณ จากนั้นยกแขนให้มือทั้งสองข้างประสานกันโดยหงายฝ่ามือออก และเอียงตัวไปด้านข้างสลับกันไปมา
4.บริหารแผ่นหลัง ช่วงหน้าอก และต้นขา ยกแขน และขาทั้งสองข้างขึ้น-ลงพร้อม ๆ กัน
5.บริหารต้นขา และหน้าท้อง ให้นอนราบ วางแขนสองสองข้างแนบลำตัว ยกขาทั้งสองข้างขึ้น-ลง
6.บริหารหน้าขา นอนราบกับพื้น แขนสองข้างวางแนบลำตัว ยกขาเตะสลับ สองจังหวะ
7.บริหารต้นขา ยืนตรง แยกปลายเท้าห่างพอสมควร มือสองข้างจับช่วงเอว แล้วยอตัวขึ้น-ลง
8.บริหารคอ ยืนตรง แขนแนวลำตัว หันศีรษะและลำตัวไปด้านซ้ายสลับขวา
9.บริหารสะโพก ให้คว่ำหน้าลงพื้น ชันศอกและเข่า ยกขาเหยียดตรงออกนอกลำตัวไปทางด้านหลังสลับขาซ้าย-ขวา
10.บริหารต้นขาและสะโพก ด้วยการนอนราบลงกับพื้น วางแขนชิดลำตัว ยกขาทั้งสองข้างพร้อมกันในลักษณะงอเข่า พยามให้หน้าขาชิดถึงบริเวณหน้าท้อง
บริหารร่างกายด้วยท่าข้างต้นเป็นประจำ จะช่วยบริหารกล้ามเนื้อ แถมยังช่วยกระชับสัดส่วนได้ดี เหมาะกับสาว ๆ ที่ไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกายอย่างจริงจัง ...วันนี้ กลับถึงบ้านแล้วลองทำดู.
ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
ลดน้ำหนักอย่างไรไม่โทรม
การไม่ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นก่อนวันสำคัญ คุณผู้อ่านสามารถลดอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต
เชื่อว่าคู่รักส่วนใหญ่ต้องตั้งหน้าตั้งตาฟิตหุ่นให้สมส่วนก่อนถึงวันวิวาห์ บางคนถึงกับลดมื้ออาหารจากปกติ 3 มื้อ เหลือเพียงการรับประทานเฉพาะมื้อกลางวันเท่านั้น ซึ่งวิธีดังกล่าวถือว่าไม่เหมาะสมกับการลดหรือควบคุมน้ำหนัก เพราะไม่เป็นผลดีกับร่างกาย เมื่อถึงวันแต่งงานพลันจะเป็นคู่บ่าว-สาวแสนโทรม ไม่สดชื่นแจ่มใส
ที่มีอยู่ในอาหารประเภทข้าว เส้นก๋วยเตี๋ยว ขนมปัง น้ำตาล เช่น จากปกติรับประทานข้าวมื้อละ 1 จานเต็ม ๆ อาจลดเหลือเพียงแค่ครึ่งจาน หรืออาจเลือกรับประทานข้าวเพียง 1 มื้อต่อวัน ส่วนมื้ออื่น ๆ ที่เหลือให้เน้นผัก ผลไม่ เนื้อสัตว์ไขมันต่ำ เช่น ปลานึ่ง ทั้งนี้หากรับประทานข้าวแล้วก็ไม่ควรรับประทานก๋วยเตี๋ยวหรือขนมปังในวันเดียวกันอีก
สำหรับประโยชน์จากการลดคาร์โบไฮเดรต จะช่วยให้ร่างกายที่ปกติจะเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตที่รับประทานเข้าไปใหม่เป็นอันดับแรก ก็จะหันไปเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตและไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกายแทน
ส่วนอาหารชนิดอื่น ๆ ที่ควรหลีกเลี่ยงระหว่างควบคุมน้ำหนัก คือ อาหารทอดน้ำมัน เนื้อสัตว์ติดมัน อาหารฟาสต์ฟู้ดต่าง ๆ รวมทั้งชา กาแฟ ที่ใส่ครีมปริมาณมาก น้ำอัดลม ขนมขบเคี้ยว ขนมหวาน
นอกจากการใส่ใจเรื่องอาหารการกินแล้ว ยังต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ถ้าจะให้เห็นผลควรจัดสรรเวลาออกกำลังกายก่อนวิวาห์อย่างน้อย 4-5 เดือน เช่น การยกเวต เซ็ตละ 15 ครั้ง เพื่อกระชับต้นแขน หรือซิตอัพลดหน้าท้อง เป็นต้น
ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2554
หลักการลดน้ำหนักหนีโรคอ้วน
หากตรวจเช็คไขมันส่วนเกินจนรู้ว่าอ้วนขนาดไหน สิ่งที่คุณควรทำต่อไปคือการกำจัดไขมันส่วนเกินเหล่านั้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
โดยปฏิบัติตามหลักการ คือ ลดน้ำหนัก โดยทั่วไปควรลดให้ได้ร้อยละ 10 ของน้ำหนักตัว แต่อย่าหักโหม ควรลดในอัตราครึ่งกิโลกรัมต่อสัปดาห์ ควบคู่กับการออกกำลังกายครั้งละ 30 นาที อย่างต่ำ 5 ครั้งต่อสัปดาห์ หากทำได้ภายใน 6 เดือน น้ำหนักของคุณก็จะหายไปร้อยละ 10 ตามเป้าหมาย
การรักษาน้ำหนักให้อยู่คงที่ โดยการควบคุมอาหารการกิน หมั่นออกกำลังกาย เปลี่ยนพฤติกรรมการดำรงชีวิตที่อาศัยสิ่งอำนวยความสะดวกมากเกินไป เพื่อควบคุมไม่ให้น้ำหนักขึ้นมากกว่า 3 กิโลกรัม ในขณะที่เส้นรอบเอวจะต้องลดลงจากเดิม 4 เซนติเมตร จึงจะถือว่าสามารถควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ได้ดี ที่สำคัญต้องคำนึงถึง การป้องกันน้ำหนักตัวเพิ่ม อยู่สม่ำเสมอ โดยเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันหรือให้พลังงานมากเกินความจำเป็น
นอกจากนี้บรรดาคนอ้วนทั้งหลายควรพึงรู้ไว้ว่า การลดน้ำหนักลงอย่างรวดเร็วก็จะทำให้น้ำหนักขึ้นได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน ดังนั้นค่อยเป็นค่อยไป และไม่ควรพึ่งการใช้ยาลดน้ำหนักที่ไม่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญควบคุมดูแล.
ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
วิธีบริหารสะโพกให้ลดลง
ควรหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการเต้นแอโรบิก การวิ่ง ปั่นจักรยาน การบริหารเฉพาะส่วน ฯลฯ เป็นวิธีที่ช่วยให้สะโพกสวย แน่น และกระชับมากขึ้น คนอ้วน หรือผอมก็สามารถใช้วิธีนี้ได้
ควบคุมอาหาร แต่ไม่ใช่อดอาหาร เลือกรับประทานอาหารที่มีคุณประโยชน์มากกว่ารับประทานตามใจปาก ควรทานให้ครบทั้ง 3 มื้อ และหยุดทันทีถ้ารู้สึกอิ่ม ลดอาหารจำพวกที่ให้พลังงานสูง และอาหารรสจัด หวานจัด มันจัด ควรดื่มนมที่พร่องมันเนย ของขบเคี้ยว ให้เลือกทานประเภทพืชเปลือกแข็งแทน เช่น ถั่ว เม็ดแตงโม ฯลฯ
การนวดมีประโยชน์มากกับขาช่วงต้นขาด้านบน ด้านหน้าและหลัง โดยเฉพาะช่วงต่อจากก้นลงมา เพราะถ้าบริเวณนี้มีไขมันมากจะทำให้สะโพกห้อยและย้อยได้ นอกจากนี้การนวดยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต รวมทั้งกำจัดของเสียและไขมันที่สะสมอยู่ใต้ผิวหนังด้วย สำหรับการนวดที่ดีคือ ให้ใช้ครีมที่ใช้ขจัดไขมันใต้ผิวหนัง โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการนวด ควรเป็นตอนก่อนนอน หลังอาบน้ำในตอนเช้า หรือก่อนทานอาหารหนึ่งชั่วโมง ควรใช้ครีมนวดติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอ ถ้าใช้ ๆ หยุด ๆ จะไม่เห็นผล และหยุดใช้ครีมนวดทันทีถ้าเกิดอาการแพ้
การขัดผิว จะช่วยในเรื่องของการแตกลาย จุดด่างดำ ผดผื่นแดง และรอยหยาบกร้านให้หมดไป สามารถขัดผิวได้ด้วยตัวเองโดยใช้น้ำมันขัดผิวที่ทำขึ้นเองแบบง่าย ๆ และประหยัด โดยนำเกลือเม็ดใส่ลงในขวด กะปริมาณตามที่ต้องการใช้ จากนั้นเติมน้ำมันมะกอกลงไป สังเกตุให้เกลือดูดซึมน้ำมันจนหมดอย่าให้แห้ง หรือเปียกเกินไป เติมน้ำหอมกลิ่นที่ชอบลงไปสัก 2-3 หยด จะช่วยให้รู้สึกสดชื่นขึ้นในขณะที่ขัดผิวให้ขัดเป็นวงกลมในบริเวณที่เกิดรอยหยาบกร้าน
ถ้าอยากมีสะโพกที่ดูดี ก็ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันดูได้.
ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2554
พิชิตอ้วนด้วยเทคนิคแบบทหาร
พิชิตอ้วนด้วยเทคนิคแบบทหาร (e-magazine)
ความอ้วนก็เหมือนกับมหันตภัยเงียบ ที่คุณคาดไม่ถึง ยิ่งในปัจจุบันนี้ที่กระแสของอาหารบุฟเฟ่ต์กำลังมาแรง แน่นอนว่า นิสัยรักความคุ้มเกินคุ้มย่อมทำให้หลาย ๆ คนเผลอใจ จนในที่สุดห่วงยางเส้นโตก็จะมากองอยู่ที่พุงของคุณ แต่อย่าเพิ่งเป็นกังวลมากไป เพราะวันนี้เรามีเทคนิคสยบความอ้วนในแบบที่คุณจะต้องตะลึง
หากคุณเคยเห็นทหารหาญทั้งชายและหญิงถือปืนวิ่งรอบกองพัน เป็นการฝึกซ้อมเพื่อปกป้องประเทศชาติ เราเชื่อเลยว่าภาพนั้นคือ แรงบันดาลใจให้ใครหลายคนรู้สึกอยากจะออกไปปั้นหุ่นสวย ๆ ซึ่งการฝึกแบบ ท.ทหาร อดทน นอกจากจะทำให้คุณมีร่างกายที่แข็งแรงแล้ว เจ้าพวกไขมันยังจะมลายหายไปในพริบตา
ความอ้วนนะแย่
ยิ่งคุณมีรอบพุงมากเท่าไร ไขมันก็จะยิ่งสะสมในช่องท้องมากเท่านั้น ไขมันที่สะสมนี้จะแตกตัวเป็นกรดไขมันอิสระเข้าสู่ตับมีผลให้อินซูลินออกฤทธิ์ได้ไม่ดี จนเกิดเป็น "โรคอ้วนลงพุง" ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น น้ำตาลในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจ หรือโรคหลอดเลือดสมอง โดยเอวที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ 5 ซม. จะเพิ่มโอกาสเกิดโรคเบาหวาน 3-5 เท่า ดังนั้น
ผู้ที่อ้วนลงพุงร่วมกับปัจจัยเสี่ยงอีก 2 ใน 4 อย่างต่อไปนี้ มีโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ อัมพฤกษ์ และอัมพาต
ความดันโลหิตตั้งแต่ 130/85 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป
น้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารสูงตั้งแต่ 100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรขึ้นไป
ระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์สูงตั้งแต่ 150 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรขึ้นไป
ระดับไขมัน เอช-ดี-แอล คอเลสเตอรอลต่ำกว่า 40 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรในผู้ชาย หรือ ต่ำกว่า 50 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรในผู้หญิง
พิชิตอ้วน พิชิตพุง
รู้หรือไม่? คุณสามารถมีสุขภาพดีขึ้นได้ ถ้าน้ำหนักตัวลดลง 5-10% ของน้ำหนักเริ่มต้น เพราะจะทำให้ไขมันในช่องท้องลดลงไปได้ 30% ซึ่งจะทำให้ไขมันในเลือด น้ำตาลในเลือด และความดันโลหิตลดลงด้วย โดยคุณจะต้องยึดหลักการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมง่าย ๆ ดังนี้
1.มีความตั้งใจ และมุ่งมั่นจริง ๆ ที่จะพิชิตความอ้วน
2.อารมณ์ดี ไม่เครียด และสร้างความคิดที่ดีให้กับตนเอง เช่น "เราต้องทำได้"
3. ตั้งเป้าหมายของน้ำหนักที่จะลด ซึ่งควรมีความเป็นไปได้ และไม่ลดน้ำหนักมากจนเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
4.ควบคุมพลังงาน โดยต้องควบคุมจากอาหาร ซึ่งต้องค่อย ๆ ปรับลดลง สำหรับผู้หญิงไม่ควรน้อยกว่าวันละ 1200 กิโลแคลอรี และผู้ชายไม่ควรน้อยกว่าวันละ 1600 กิโลแคลอรี
5. เผาผลาญพลังงาน ด้วยการเคลื่อนไหวออกแรง และออกกำลังกายเป็นประจำ
ขยับแบบ ท. ทหาร ช่วยสลายไขมัน
ขั้นตอนแรกของการจะพิชิตความอ้วน คงหนีไม่พ้นเรื่องของการออกกำลังกาย ซึ่งวันนี้เราจะชวนคุณมาม่วนกับกายบริหารแบบแข็งขันอย่างชายชาติทหาร ที่ทั้งมีระเบียบ แถมยังสร้างหุ่นเฟิร์มได้อีกด้วย
ขั้นที่ 1
ทุกเช้าและเย็น ทหารใหม่จะต้องมีการวิ่งรอบสนามอย่างต่ำเป็นจำนวน 2 รอบ ดังนั้น พลเรือนอยากผอมก็ต้อง ปฏิบัติ!
ขั้นที่ 2
ต่อกันด้วยการแตะสลับซ้ายขวาอย่างทหารที่ต้อง นับ 1 2 3 1 เท่ากับ 1 ยก ทำทั้งหมด 20 ยก แต่คุณอาจปรับเปลี่ยนให้น้อยลงหน่อยก็ได้
ขั้นที่ 3
เข้าสู่ท่าที่ 3 กับการเหวี่ยงแขนลอดใต้ขา ทำทั้งหมด 20 ยก
ขั้นที่ 4
ต่อกันด้วยการกระโดดตบแบบแมน ๆ 20 ยก ซึ่งท่านี้จะช่วยให้ร่างกายได้บริหารกล้ามเนื้อทุกสัดส่วน
ขั้นที่ 5
เสริมสร้างกล้ามเนื้อแขนและช่วงอกกับการดันพื้นอีก 10 ยก ซึ่งท่าออกกำลังกายเหล่านี้จะช่วยอบอุ่นร่างกายและเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับหัวใจ
นอกจากการออกกำลังกายแล้ว การเลือกรับประทานอาหารก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ ที่คนอยากผอมควรคำนึงให้ดี เพราะคุณจะต้องควบคุมพลังงานที่ร่างกายจะได้รับในแต่ละวัน
หลักง่าย ๆ ในการกิน
กินอาหารครบ 3 มื้อ และต้องไม่งดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง ซึ่งการลดมื้ออาหารจะทำให้อัตราการเผาผลาญพลังงานลดลง
ลดปริมาณอาหารทุกมื้อที่กิน โดยเริ่มแรกให้ลดข้าวลงมื้อละ 1 ทัพพี งดของหวาน ลูกอม น้ำหวาน น้ำอัดลม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จากนั้นสัปดาห์ต่อไปให้เริ่มลดข้าว หรือลดแป้งให้เหลือแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
เลือกกินอาหารพลังงานต่ำ ซึ่งอาหารจำพวก ข้าวกล้อง ผักสด ผลไม้สด เนื้อปลา นมถั่วเหลือง น้ำเปล่า คุณสามารถสวาปามได้อย่างเต็มคราบ
กินผักและผลไม้ในแต่ละมื้อให้มากขึ้น เพราะกากใยในผัก ผลไม้จะช่วยขับไขมันในอาหารทิ้ง และชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด
เคี้ยวอาหารช้า ๆ โดยใช้เวลาเคี้ยวประมาณ 30 ครั้งต่อคำ และส่งอารมณ์ความรู้สึกพอใจในรสชาติของอาหารให้สมองรับรู้ศูนย์ควบคุมความหิว-ความอิ่มที่สมองจะรับรู้ว่ากินอิ่มแล้ว ซึ่งจะใช้เวลาไม่น้อยกว่า 15 นาทีดังนั้นอาหาร 1 จานเล็ก ควรใช้เวลาในการรับประทาน ไม่น้อยกว่า 15 นาที
ต้องอดทนถ้าเพิ่งกิน คือคุณต้องอดทนหลังจากทานอาหารว่า ต้องพอ เพราะหลังจากนั้นเพียง 10 นาที ร่างกายจะรู้สึกอิ่มได้ โดยอาจใช้วิธีการเปลี่ยนท่าทาง หรือไปทำอย่างอื่นแทน แต่ถ้าทานอาหารแล้วยังรู้สึกหิวอยู่ ให้ทานผลไม้รสหวานสักคำสองคำ หรือจะดื่มน้ำเปล่าก็สามารบรรเทาอาการหิวได้
เห็นหรือยังว่า ความอ้วนสามารถพิชิตได้ไม่ยาก ขอเพียงแค่ใจพร้อม คุณก็สามารถทำได้ ส่วนการออกกำลังกายให้สุขภาพดีอย่างทหารยังไม่จบเพียงเท่านี้ เอาเป็นว่า อย่าลืมติดตามกันให้ดี ๆ เพราะหุ่นกล้ามปูแบบนายร้อยยังมีวิธีให้พลเรือนอย่างเรา ๆ ทำตามได้อีกเยอะ
ลิขสิทธิ์บทความของ e-magazine.info
สูตรลดน้ำหนัก ง่ายนิดเดียว
ต่อไปนี้คือวิธีง่าย ๆ ในการลดน้ำหนัก โดยตัดแคลอรี ในอาหารที่กินในแต่ละวันให้น้อยลง 100 แคลอรี ขณะเดียวกันก็ยังได้เพลิดเพลินกับการทานอาหารอร่อย ๆ ที่ไม่ทำให้อ้วน
อายุเข้าสู่วัยกลางคนเป็นสิ่งที่หลายคนสะพรึงกลัว โดยมากที่หนีไม่พ้นคือการมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นทุกปี เฉลี่ยแล้วคนอังกฤษน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นประมาณปีละ 1 กิโลกรัม ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไป 10 น้ำหนักตัวก็จะเพิ่มเป็น 10 กิโลกรัม นั้นหมายความว่าเราต้องซื้อเสื้อผ้าตัวใหญ่ขึ้นทุกปี น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นยังเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจและเบาหวาน
แต่ข่าวดีคือ เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีการศึกษาวิจัยของมหาวิทยาลัยโคโรลาโด ระบุว่า คุณสามารถหยุดน้ำหนักส่วนเกินที่ไล่ตามคุณเป็นเงาตามตัว ด้วยการตัดแคลอรีให้น้อยลงแค่ 100 แคลอรีในอาหารที่ทานแต่ละวัน การศึกษายังระบุด้วยว่าการเผาผลาญอาหารให้มากขึ้นจากเดิมแค่ 100 แคลอรีทุกวัน จะป้องกันไม่ให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นในแต่ละปี
"นี่คือคำถามของความสมดุล ถ้าเรากินอาหารที่มีแคลอรีสูงเกินกว่าที่ถูกเผาผลาญ น้ำหนักตัวก็จะเพิ่มขึ้น" ลินเดล คอสเทน นักโภชนาการและผู้เขียนเรื่อง Diet Trials กล่าว "แต่เพราะถูกแวดล้อมด้วยอาหารอร่อย ๆ ที่มีขายอยู่ทุกหนทุกแห่ง แถมปัจจุบันยังมีเครื่องมือทุ่นแรงอีกมากมาย เราจึงมีแนวโน้มที่จะกินอาหารเกินความจำเป็น ข้อดีของการลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้คือ คุณไม่จำเป็นต้องเป็นนักกีฬาและไม่ต้องลด ละเลิกอาหารจานโปรด เพียงแค่เปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างที่คุณนึกไม่ถึงมาก่อน แต่ก่อให้เกิดผลดีในระยะยาว"
ว่าแต่วิธีที่จะช่วยลดแคลอรีในอาหารที่กินลง 100 แคลอรีในแต่ละวันควรทำอย่างไร
เมินของขบเคี้ยว
ของขบเคี้ยวที่มีแคลอรีสูงเป็นหนึ่งในตัวการสำคัญ ที่ทำให้น้ำหนักเพิ่ม การนั่งจิบน้ำชา มีจานคุกกี้วางตรงหน้าเวลาดูทีวี หรือประเภทคนขี้เสียดาย เช่น หยิบเฟรนช์ฟรายส์ที่ลูก ๆ กินเหลือมากินต่อด้วยความเสียดาย นั่นไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง คุณรู้ไหมว่าคุกกี้แค่ชิ้นเดียวหรือการกินเฟรนช์ฟรายส์ 3-4 ชิ้น ทำให้คุณได้รับพลังงานเพิ่มขึ้นถึง 100 แคลอรี
คอสเทนแนะให้แก้หิวด้วยการกินอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ข้าวโอ๊ตหรือมูสลี (ซีเรียลที่ทำจากถั่วสับ ผลไม้แห้ง และเมล็ดข้าว) เป็นอาหารเช้า ข้าว ผัดหรือพาสต้าผัดเป็นอาหารกลางวันและอาหารค่ำ และถ้าอยากทานของว่าง ให้เปลี่ยนจากของขบเคี้ยวที่มีไขมันสูงไปเป็นของว่างที่มีประโยชน์ แคลอรีต่ำ ตัวอย่างเช่น มันฝรั่งทอดกรอบ 100 กรัม มีไขมัน 34 กรัม ให้พลังงาน 530 แคลอรี ขณะที่เพรทเซล (Pretzels) 100 กรัม ให้สัดส่วนของไขมันน้อยกว่า นั่นคือ 4.9 กรัมและให้พลังงาน 401 แคลอรี ดังนั้นทางเลือกที่ดีคือ กินแครอทหั่นเป็นแท่งประมาณ 6 แท่ง หรือกินถั่วครั้งละไม่เกิน 15 เม็ดหรือ 1 กำมือ (30 แคลอรี) ซึ่งเป็นอาหารประเภทโปรตีน ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญอาหารสูงขึ้นได้
ความลับเกี่ยวกับแคลอรี
อย่าเข้าใจผิดคิดว่าอาหารที่มีประโยชน์ทุกชนิดจะมีแคลอรีต่ำ ตัวอย่าง เช่น สมูทตี้ผลไม้ช่วยแกหิวได้ดี แต่ถ้าในสมูทตี้มีกล้วยหรือน้ำผลไม้เข้มข้นผสมอยู่ ก็จะทำให้สมูทตี้นั้นมีน้ำตาลสูง ผลคือแคลอรีพุ่งปรู๊ด เคล็ดลับง่าย ๆ คือ ทำสมูทตี้ให้เจือจาง โดยผสมน้ำครึ่งหนึ่ง วิธีนี้สมูทตี้ที่ได้ยังคงมีรสชาติผลไม้เข้มข้น แต่แคลอรีลดลงครึ่งหนึ่ง น้ำผลไม้คั้นสดเป็นอีกหนึ่งเครื่องดื่มที่พึงระวัง โดยเฉพาะหากน้ำผลไม้นั้นมีความเข้มข้นสูง เนื่องจากมีน้ำตาลบริสุทธิ์ตามธรรมชาติและให้พลังงานประมาณ 105 แคลอรีต่อแก้ว อีกทั้งการนำน้ำผลไม้ไปเจือจางเท่ากับยิ่งทำให้แคลอรีเพิ่มสูงขึ้น
แล้วคาปูชิโนที่คุณดื่ม ล่ะ ขณะที่ชาสมุนไพรไม่ให้แคลอรี แต่กาแฟใส่นมมีไขมันอยู่ถึง 18 กรัม ให้พลังงาน 320 แคลอรี หรือเท่ากับขนมหวานประเภทสอดไส้ถั่ว 4 แท่ง
ถ้าคุณชอบดื่มสุรา ต้องพึงระวัง เพราะเบียร์ขนาดปกติ 1 ขวดให้พลังงานเกือบ 200 แคลอรี และอย่าคิดว่าดื่มสุราหรือไวน์จะช่วยแก้กลุ้มได้ ในแอลกอฮอล์มีน้ำตาลสูง ทำให้น้ำหนักขึ้น ลดแคลอรีของคุณลง โดยการผสมน้ำโซดากับไวน์เพื่อเจือจาง หรือใส่น้ำแข็งมาก ๆ ในสุรา
อาหารสำเร็จรูปมีแคลอรีซุกซ่อนอยู่เป็นจำนวนมาก น้ำตาลและเกลือล้วนเป็นศัตรูของรอบเอวและหัวใจ หากไม่มีเวลาเตรียมอาหารเอง ให้ลองซื้ออาหารสำเร็จรูปที่มีแคลอรีต่ำ โดยอ่านฉลากก่อนซื้อทุกครั้ง เลือกชนิดที่มีไขมันน้อยกว่า 4% และสังเกตปริมาณแคลอรี
ซุปกระป๋องสำเร็จรูปมีแคลอรีซ่อนอยู่เช่นกัน ซุปไก่ข้นให้พลังงาน 300 แคลอรี ขณะที่ซุปโฮมเมดแบบไม่ข้นมีแคลอรีน้อยกว่า
ทางเลือกเพื่อสุขภาพ
เปลี่ยนไปหาอาหารที่มีแคลอรีต่ำ ไม่ว่าจะเป็นมายองเนส ครีมซอสต่าง ๆ ครีมชีส ให้เลือกชนิดที่มีแคลอรีต่ำ ซึ่งก็ให้รสชาติที่ดีไม่แพ้สูตรดั้งเดิมที่มีไขมัน อย่าลืมตรวจสอบฉลากอาหาร เพราะอาหารแต่ละยี่ห้อจะให้แคลอรีที่แตกต่างกัน
น้ำอัดลมเป็นเครื่องดื่มที่ให้แคลอรีสูง โค้ก 1 กระป๋องมีน้ำตาล 10 ช้อนชา ให้พลังงาน 135 แคลอรี ขณะที่ไดเอทโค้กไม่มีแคลอรี ดังนั้นเลือกชนิดไดเอทหรือดื่มน้ำเปล่าแทนดีกว่า เช่นเดียวกัน เวลาปรุงอาหารทานเองที่บ้าน ให้เลือกปรุงอาหารสูตรไขมันและแคลอรีต่ำ
เลือกอาหารจานเล็ก
ถ้าชอบฟาสต์ฟู้ด ควรคิดสักนิดก่อนสั่ง เลือกชุดแฮปปี้มีลแทนการสั่งแมคโดนัลด์เซตใหญ่ วิธีนี้จะช่วยลดแคลอรีลงได้อย่างมหาศาลถึง 541 แคลอรี เวลาซื้ออาหาร อย่าเคลิบเคลิ้มไปกับกลยุทธ์ล่อใจทางการตลาดประเภทซื้อสองแถมหนึ่ง หากรู้ตัวว่าเป็นคนกินจุ ให้เลือกซื้อเฉพาะสิ่งที่คุณต้องการ ไม่ใช่ซื้อตามกลยุทธ์ล่อใจที่ผู้ชายนำเสนอ ให้บอกกับตัวเองเสมอว่าใช้น้อยลง (รวมถึงกินน้อยลง) จะช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าได้มากขึ้น
สุดท้ายเวลาอยู่บ้าน ให้ระวังปริมาณอาหารที่กิน จำเป็นไหมที่ต้องตักข้าวใส่จานเยอะ ๆ จำเป็นไหมที่ต้องกินขนมพุดดิ้งถึง 2 ชิ้น ลองลดปริมาณอาหารเหล่านี้ลงสักนิด เพราะปริมาณน้อยนิดที่ลดลงนี้จะทำให้แคลอรีในอาหารที่กินลดลงได้ถึง 100 แคลอรี ลองทำดูสิ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก HEALTH PLUS
วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554
ลดหุ่น การบริหาร เพื่อเรียวขาที่สวยงาม
สาว ๆ ทุกคนก็คงอยากที่จะมีขาที่เรียวงามทั้งนั้น (ไม่ต้องเพรียวเหมือนนางแบบ แต่ต้องไม่เป็นท่อนซุง เท่านั้นเป็นใช้ได้) แต่วิธีที่จะมีเรียวขาที่สวยงามนั้น นอกจากจะได้มาจากบุญเก่าแล้ว อีกวิธีหนึ่งนั่นคือ การออกกำลังกาย ซึ่งวันนี้เราก็มีวิธีการบริหาร เพื่อเรียวขาที่สวยงามของคุณมาฝากกันค่ะ
ท่าบริหารบั้นท้าย : เป้าหมายคือขาอ่อนส่วนหน้าและกำจัดบั้นท้ายหนา โดยออกกำลังกล้ามเนื้อที่ก้น
วิธีทำ : ยืนแยกขา งอเข่าเล็กน้อย หลังตรง มือเท้าสะเอว งอเข่าทำมุมเก้าสิบองศาแล้วเอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยจนตัวค้อมลงมาหาขาอ่อน ส้นเท้าแนบพื้น ลดตัวลงไปกระทั่งก้นอยู่ในระดับเดียวกับเข่า เกร็งไว้หนึ่งวินาที จากนั้นค่อย ๆ หวนกลับมาท่ายืน ทำซ้ำ 20 ครั้ง
ท่ายืดเส้นสายขาอ่อน : เป็นท่าทำยากแต่ถ้าอยากให้กล้ามเนื้อขาอ่อน หน้าขาและหลังขาแข็งแรงก็คุ้มค่าน่าทำ
วิธีทำ : ยืนตรง ยื่นขาหนึ่งไปข้างหน้า ตัวตรง หน้าท้องแขม่ว งอเข่าลงทิ้งน้ำหนักที่ส้นเท้าเพื่อใช้งานกล้ามเนื้อสะโพก เกร็งไว้หนึ่งวินาที แล้วค่อย ๆ กลับท่าเดิม ทำซ้ำ 15 ครั้ง จากนั้นทำกับขาอีกข้าง 15 ครั้งเช่นกัน
ขาอ่อนปราดเปรียว : เป็นท่าที่เหมาะสำหรับออกกำลังขาอ่อนด้านใน
วิธีทำ : นอนตะแคงซ้าย งอเข่าขวาพาดพื้น ขาซ้ายตรง ค่อย ๆ ยกขาซ้ายขึ้น เกร็งไว้หนึ่งวินาทีแล้วยกลง ทำซ้ำ 15 - 20 ครั้ง แล้วสลับกับขาอีกข้าง
ออกกำลังขาอ่อนส่วนนอก : ท่านี้เน้นที่ขาอ่อนด้านนอกเพื่อให้แข็งแรงได้รูป
วิธีทำ : นอนตะแคงข้าง งอเข่าขวาเล็กน้อย มือขวารองรับศรีษะไว้ ขาซ้ายเหยียดตรงแล้วค่อย ๆ ยกขึ้น เกร็งไว้หนึ่งวินาทีแล้วลดลง ทำซ้ำ 15 - 20 ครั้ง จากนั้นสลับทำกับอีกข้าง
ขาอ่อนเรียว : เตรียมตัวให้ดีสำหรับท่านี้ ซึ่งจะออกกำลังขาอ่อนด้านในและนอกสุด ๆ
วิธีทำ : ยืนตรงแยกขา มือเท้าสะเอว ย่อเข่าขวาลงแล้วก้าวเท้าออกมาข้างหน้ากระทั่งขาอ่อนขวาขนานกับพื้น อย่าให้เข่ายื่นเลยข้อเท้าขวา ค่อยๆ รั้งเท้าซ้ายกลับ กดแนบพื้นเพื่อสร้างแรงต้านกระทั่งเท้ามาคู่กันและกลับสู่ท่าเดิม ทำซ้ำกับขาซ้าย ทำข้างละ 15 - 20 ครั้ง
หมายเหตุ : ให้ทำวันละสองครั้ง (เช้าและเย็น)
ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ เพียงแค่คุณเจียดเวลาให้กับการออกกำลังกายบ้าง ไม่ใช่เพื่อเรียวขาที่สวยงามอย่างเดียว แต่ยังได้ในเรื่องของสุขภาพที่แข็งแรงอีกด้วยค่ะ...
ข้อมูลจาก เดลินิวส์
โปรตีน ตัวช่วยของสาวอยากผอม
หากสาวอวบอย่างคุณเมื่อเห็นสาวเอวบางร่างน้อย แต่งตัวเซ็กซี่แล้วเกิดอาการอิจฉาตาร้อน อยากจะลุกขึ้นมาโชว์หุ่นกับเขาดูบ้าง แต่ก่อนที่จะตัดสินใจทําอย่างนั้น WP ขอแนะให้มาอ่านข้างล่างนี้กันก่อนดีไหม เผื่อจะช่วยให้คุณไม่ต้องตกเป็นประเด็นฮอตให้คนอื่นเขาแอบเอาไปเม้าท์กัน
วิธีที่ WP จะนํามาแนะนําในวันนี้ คือ การกินโปรตีนค่ะ อ๊ะๆ คงนึกไม่ถึงละสิว่าโปรตีนนี่น่ะเหรอจะช่วยให้ฉันผอมได้ อย่าเพิ่งดูถูกไปนะคะ เพราะเขาได้มีการทดลองออกมายืนยันแล้วว่า คนที่กินโปรตีนสูงจะมีแนวโน้มที่จะลดน้ำหนักได้มากกว่ากลุ่มที่กินโปรตีน น้อยหรือไม่กินเลย ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะโปรตีนมีส่วนช่วยในการเพิ่มอัตราเมตาบอลิซึ่มให้กับ ร่างกาย ซึ่งนั่นก็หมายถึงคุณจะเผาผลาญแคลอรีได้มากขึ้น
นอกจากนี้ โปรตีนยังช่วยทําให้ระดับไนโตรเจนในร่างกายเกิดความสมดุล ซึ่งจะมีผลให้มวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น ช่วยให้อัตราการดูดซึมกลูโคสในกระแสเลือดช้าลงซึ่งจะทําให้ไม่ค่อยหิว และช่วยลดระดับ อินซูลินทําให้การเผาผลาญไขมันเป็นไปได้ง่ายขึ้นด้วยค่ะ
แหล่งโปรตีนหาได้จากไหน
โดยปกติแล้ว ร่างกายจะสามารถสร้างกรดอะมิโนขึ้นมาเองได้ 80% ที่เหลืออีก 20% จะต้องรับจากการกินเข้าไป ซึ่งแหล่งของกรดอะมิโนเหล่านี้ หาได้จากอาหารที่มีโปรตีนสูง อย่างเช่น
เคซีน - หรือโปรตีนจากนมซึ่งเป็นที่โปรดปรานของกล้ามเนื้อมาก ช่วยทําให้กล้ามเนื้อกระชับ เพิ่มการสังเคราะห์และยับยั้งการย่อยสลายโปรตีน จากการศึกษาพบว่า ถ้าเรากินอาหารที่มีเคซีนเข้าไป มันจะไปเกาะกันเป็นก้อนอยู่ในรูปของวุ้นที่กระเพาะ ทําให้อาหารเคลื่อนตัวช้าลง เป็นเหตุให้กรดอะมิโนถูกปล่อยเข้าสู่กระแสเลือดมากขึ้น นอกจากนี้ เคซีนยังช่วยในเรื่องของการเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ เพิ่มระดับ HDL และช่วยคลายอาการปวดของกล้ามเนื้อและข้อต่อด้วยค่ะ
ถั่วเหลือง - มีโปรตีนสูงถึงร้อยละ 34 ซึ่งมากกว่าโปรตีนจากเนื้อหมูประมาณ 2 เท่า ถึงแม้ถั่วเหลืองจะไม่ค่อยมีบทบาทในการปั้นหุ่นมากนัก แต่มันก็มีความสําคัญต่อสุขภาพมากๆ เลยนะ เพราะในเมล็ดถั่วเหลืองโดยเฉพาะผิวหุ้มของมันจะมีสารเลซิธิน (Lecithin) ซึ่งเป็นสารบํารุงสมอง ช่วยในด้านการเพิ่มความจํา ลดไขมันและคอเลสเตอรอลในร่างกายค่ะ
ไข่ - แหล่งโปรตีนที่ดีและราคาถูก ซึ่งหลายๆ คนอาจจะกลัวการกินไข่เพราะกลัวคอเลสเตอรอลที่มีอยู่ในไข่แดง แต่จริงๆ แล้วไขมันอิ่มตัวในอาหารต่างหากละที่เป็นตัวการทําให้ระดับคอเลสเตอรอลใน เลือดสูง ยิ่งไปกว่านั้นการกินไข่ยังเป็นการช่วยป้องกันโรคหัวใจและมีบทบาทในเรื่อง ของการลดน้ำหนักด้วยนะคะ เพราะไข่ 1 ฟอง นอกจากจะให้แคลอรีต่ำ เพียง 75 แคลอรีแล้ว ยังทําให้รู้สึกอิ่มได้นานกว่าอาหารชนิดอื่นๆ ที่ให้แคลอรีเท่ากันอีกค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Woman Plus
วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554
ลดน้ำหนัก ง่ายๆควรรับประทานอย่างไร
ปัจจุบัน วิถีการใช้ชีวิตของคนเราเปลี่ยนไป เพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ความเร่งรีบของการดำเนินชีวิต วัฒนธรรมของต่างชาติที่เข้ามาในบ้านเรา ทำให้การเลือกรับประทานอาหารของเราเปลี่ยนไป สังเกตได้ว่า อาหารส่วนใหญ่เป็นอาหารที่มีแป้ง น้ำตาล ไขมันเป็นส่วนประกอบมากขึ้น แต่ขาดอาหารที่ให้วิตามิน เกลือแร่ อาหารที่มีเส้นใย ทำให้ความสมดุลของการเผาผลาญอาหารผิดปกติไป ส่งผลให้เกิดโรคต่าง ๆ ที่มาจากการรับประทานอาหารไม่ได้สัดส่วนตามมา เช่น โรคอ้วน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคอื่น ๆ ตามมา
ดังนั้นเราควรเลือกรับประทานอาหารที่ได้สัดส่วนในแต่ละมื้อ เพื่อป้องกันการเกิดโรคอ้วน และสำหรับผู้ที่อ้วนแล้ว ก็ต้องควบคุมอาหาร (การควบคุมอาหารที่ดีคือ การควบคุมปริมาณของอาหารที่รับประทาน แต่ไม่ใช่การลดคุณภาพของอาหาร) โดยมีหลักง่าย ๆ คือ
1. อาหารกลุ่มข้าวและแป้งต้อง รับประทานให้พอดี ไม่ควรงดรับประทานเลย เพราะอาจทำให้น้ำตาลในเลือดลดลง ส่งผลให้ร่างกายเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ สำหรับข้าวและแป้งที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก แนะนำให้เลือกที่ผ่านการขัดสีน้อย เช่น ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีต ธัญพืช (ข้าวโอ๊ต ข้าวโพด ลูกเดือย) เพราะจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายช้า ๆ
2. อาหารที่กลุ่มโปรตีนหรือเนื้อสัตว์แนะ นำเลือกที่ไม่ติดหนัง ติดมัน ต้องหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์แปรรูป เช่น แฮม ไส้กรอก กุนเชียง เพราะเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูงและมีไขมันซ่อนอยู่มาก
3. นม แนะนำให้เลือกรสจืดไขมันต่ำ หากเป็นโยเกิร์ตแนะนำรสธรรมชาติ หากต้องการมีรสชาติแนะนำให้เติมผลไม้สด
4. อาหารกลุ่มไขมันไขมัน ยังมีความจำเป็นต่อร่างกาย เพื่อใช้ในการละลายวิตามินที่ใช้ไขมันละลาย แนะนำให้เลือกไขมันชนิดไม่อิ่มตัว เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำข้าว ยกเว้น น้ำมันปาล์ม กะทิจากมะพร้าว และการปรุงประกอบอาหารแนะนำให้ใช้วิธีอบ ต้ม นึ่ง ตุ๋น ย่าง ผัด แทนการทอดด้วยน้ำมันมาก ๆ
5. อาหารให้เส้นใยสูงได้ จากผักและผลไม้ ถั่วเมล็ดแห้ง (ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วดำ) เป็นส่วนใหญ่ เพราะเส้นใยโดยเฉพาะชนิดที่ละลายน้ำ เช่น เพคตินในแอปเปิ้ล สตอเบอร์รี่ ข้าวโอ๊ต จะมีเมือกมาก เมือกจะทำหน้าที่เกาะโคเลสเตอรอลแล้วขับออกจากร่างกาย สำหรับเส้นใยชนิดไม่ละลายน้ำ เป็นยาระบายตามธรรมชาติ ป้องกันท้องผูกได้
6. ชา กาแฟ ไม่มีผลต่อการลดน้ำหนัก แต่ต้องไม่เติมน้ำตาลหรือครีมเทียม
7. เลือกรับประทานอาหารที่มีพลังงานต่ำ เช่น ผลไม้ โยเกิร์ตรสธรรมชาติ
8. การวางแผนการรับประทานอาหารหาก ต้องไปงานเลี้ยง โดยในวันนั้นก่อนไปงานเลี้ยงต้องเลือกรับประทานอาหารไขมันต่ำ เส้นใยสูงไว้ก่อน เพราะงานเลี้ยงเราไม่สามารถทราบได้ว่ามีอาหารใด้บ้าง
9. มีการดัดแปลงอาหารให้ เป็นอาหารพลังงานต่ำ เช่น น้ำสลัด พบว่าน้ำสลัดมีน้ำมันพืชเป็นส่วนประกอบ หากมีการดัดแปลงจากน้ำสลัดมาเป็นน้ำยำ ก็จะทำให้ได้อาหารที่ไขมันต่ำ
10. การออกกำลังกายสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่ช่วยให้ร่างกายมีความแข็งแรง
ดัง นั้นการให้ความสำคัญในการเลือกรับประทานอาหาร และมีความตั้งใจในการควบคุมน้ำหนัก ก็จะส่งผลให้มีสุขภาพที่ดี แข็งแรง ลดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เพิ่มความมั่นใจในบุคลิกภาพของตัวเอง
ข้อมูลจาก ไทยรัฐ
ดังนั้นเราควรเลือกรับประทานอาหารที่ได้สัดส่วนในแต่ละมื้อ เพื่อป้องกันการเกิดโรคอ้วน และสำหรับผู้ที่อ้วนแล้ว ก็ต้องควบคุมอาหาร (การควบคุมอาหารที่ดีคือ การควบคุมปริมาณของอาหารที่รับประทาน แต่ไม่ใช่การลดคุณภาพของอาหาร) โดยมีหลักง่าย ๆ คือ
1. อาหารกลุ่มข้าวและแป้งต้อง รับประทานให้พอดี ไม่ควรงดรับประทานเลย เพราะอาจทำให้น้ำตาลในเลือดลดลง ส่งผลให้ร่างกายเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ สำหรับข้าวและแป้งที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก แนะนำให้เลือกที่ผ่านการขัดสีน้อย เช่น ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีต ธัญพืช (ข้าวโอ๊ต ข้าวโพด ลูกเดือย) เพราะจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายช้า ๆ
2. อาหารที่กลุ่มโปรตีนหรือเนื้อสัตว์แนะ นำเลือกที่ไม่ติดหนัง ติดมัน ต้องหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์แปรรูป เช่น แฮม ไส้กรอก กุนเชียง เพราะเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูงและมีไขมันซ่อนอยู่มาก
3. นม แนะนำให้เลือกรสจืดไขมันต่ำ หากเป็นโยเกิร์ตแนะนำรสธรรมชาติ หากต้องการมีรสชาติแนะนำให้เติมผลไม้สด
4. อาหารกลุ่มไขมันไขมัน ยังมีความจำเป็นต่อร่างกาย เพื่อใช้ในการละลายวิตามินที่ใช้ไขมันละลาย แนะนำให้เลือกไขมันชนิดไม่อิ่มตัว เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำข้าว ยกเว้น น้ำมันปาล์ม กะทิจากมะพร้าว และการปรุงประกอบอาหารแนะนำให้ใช้วิธีอบ ต้ม นึ่ง ตุ๋น ย่าง ผัด แทนการทอดด้วยน้ำมันมาก ๆ
5. อาหารให้เส้นใยสูงได้ จากผักและผลไม้ ถั่วเมล็ดแห้ง (ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วดำ) เป็นส่วนใหญ่ เพราะเส้นใยโดยเฉพาะชนิดที่ละลายน้ำ เช่น เพคตินในแอปเปิ้ล สตอเบอร์รี่ ข้าวโอ๊ต จะมีเมือกมาก เมือกจะทำหน้าที่เกาะโคเลสเตอรอลแล้วขับออกจากร่างกาย สำหรับเส้นใยชนิดไม่ละลายน้ำ เป็นยาระบายตามธรรมชาติ ป้องกันท้องผูกได้
6. ชา กาแฟ ไม่มีผลต่อการลดน้ำหนัก แต่ต้องไม่เติมน้ำตาลหรือครีมเทียม
7. เลือกรับประทานอาหารที่มีพลังงานต่ำ เช่น ผลไม้ โยเกิร์ตรสธรรมชาติ
8. การวางแผนการรับประทานอาหารหาก ต้องไปงานเลี้ยง โดยในวันนั้นก่อนไปงานเลี้ยงต้องเลือกรับประทานอาหารไขมันต่ำ เส้นใยสูงไว้ก่อน เพราะงานเลี้ยงเราไม่สามารถทราบได้ว่ามีอาหารใด้บ้าง
9. มีการดัดแปลงอาหารให้ เป็นอาหารพลังงานต่ำ เช่น น้ำสลัด พบว่าน้ำสลัดมีน้ำมันพืชเป็นส่วนประกอบ หากมีการดัดแปลงจากน้ำสลัดมาเป็นน้ำยำ ก็จะทำให้ได้อาหารที่ไขมันต่ำ
10. การออกกำลังกายสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่ช่วยให้ร่างกายมีความแข็งแรง
ดัง นั้นการให้ความสำคัญในการเลือกรับประทานอาหาร และมีความตั้งใจในการควบคุมน้ำหนัก ก็จะส่งผลให้มีสุขภาพที่ดี แข็งแรง ลดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เพิ่มความมั่นใจในบุคลิกภาพของตัวเอง
ข้อมูลจาก ไทยรัฐ
สูตรลดน้ำหนัก ให้ผอมด้วยเวลาแค่ 30 นาที
ถ้าคุณพยายามที่จะเผาผลาญแคลอรี และลดน้ำหนักด้วยเครื่องออกกำลังทั้งหลายแหล่ คุณต้องการเวลาแค่ 30 นาที แต่ต้องใส่ใจกับมันอย่างเต็มที่ และเพิ่มความเข้มข้นของการออกกำลังขึ้น ด้วยวิธีการต่อไปนี้
ลู่วิ่งไฟฟ้า
เริ่มด้วยระดับความชัน 0 และความเร็วในระดับที่เดินได้สบาย ๆ
1 นาที เพิ่มความชันของเครื่องหนึ่งเปอร์เซ็นต์ หรือมากกว่านั้นทุก 15 วินาที ความเร็วในระดับปานกลาง
1 นาที ลดความชันลงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ หรือมากกว่านั้นทุก 15 วินาที
3 นาที เดินหรือวิ่งด้วยฝีเท้าสม่ำเสมอ ความเร็วปานกลาง
ทำซ้ำทั้งหมดนี้ไปเรื่อย ๆ จนครบ 30 นาที หรือมากกว่านั้น
แคลอรีเผาผลาญโดยประมาณ 320 แคลอรี (สำหรับคนหนักราว 63 กก.)
อิลิปติคัลเทรนเนอร์
6 นาที ตั้งความชัน (ถ้ามี) และแรงต้านไว้ในระดับปานกลาง ความเร็วปานกลาง
2 นาที เพิ่มความชันและแรงต้าน 30 วินาที ความเร็วระดับ 6-8
2 นาที ลดความชันและแรงต้านลงในระดับสบาย ๆ
6 นาที เพิ่มความชันและแรงต้านในระดับปานกลางและหมุนขากลับหลัง ความเร็วปานกลาง
ทำซ้ำทั้งหมดนี้จนครบ 30 นาที
แคลอรีเผาผลาญโดยประมาณ 250-300 แคลอรี (สำหรับคนหนัก 63 กก.)
จักรยาน
5 นาที ปั่นด้วยความเร็วแบบสบาย ๆ
5 นาที เพิ่มความเร็วขึ้นและลดลงทุก 30 วินาที
5 นาที ปั่นแบบสบาย ๆ
5 นาที เพิ่มความเร็วขึ้นให้มากกว่าตอนแรก และลดลงทุก 30 วินาที
5 นาที ปั่นความเร็วแบบสบาย ๆ
5 นาที เพิ่มความเร็วและลดลงทุกหนึ่งนาที
แคลอรีเผาผลาญโดยประมาณ 245 แคลอรี (สำหรับคนหนักราว 63 กก.)
Tip
สำหรับการออกกำลังแต่ละอย่าง ควรจะวอร์มอัพสัก 5-10 นาที ด้วยการออกกำลังแบบคาร์ดิโอเบา ๆ และจับตาดูอัตราการเต้นของหัวใจเอาไว้ แล้วจบด้วยการคูลดาวน์และยืดเส้นเสมอ
Q เมื่อลดน้ำหนักได้แล้ว เราจำเป็นต้องออกกำลังมากแค่ไหน เพื่อไม่ให้น้ำหนักกลับมาขึ้นอีก
A การศึกษาวิจัยจำนวนมากชี้ว่าต้องใช้เวลาค่อนข้างมากถึงราว 90 นาทีต่อวัน แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง คุณสามารถรักษาน้ำหนักไม่ให้ขึ้นอีกได้ ด้วยการออกกำลังประมาณ 45 นาทีต่อวัน ถ้าคุณระวังเรื่องอาหารการกิน และเพิ่มความหนักของการออกกำลังขึ้น
เริ่มต้นแต่เช้า
การกินอาหารที่อุดมด้วยสารอาหาร เช่น ข้าวโอ๊ต ซีเรียจธัญพืช ขนมปังโฮลวีต หลังจากตื่นได้ไม่นานจะปลุกระบบเผาผลาญของคุณ และทำให้มันเดินไปเรื่อย ๆ โดยผลจากการศึกษาของ National Weight Control Registry ในสหรัฐฯ ที่ศึกษาอย่างต่อเนื่องในกลุ่มคน 5,000 คน ซึ่งลดน้ำหนักได้เฉลี่ย 66 ปอนด์ และคงรักษาไว้ได้อย่างนั้นมากกว่า 5 ปี โดย 78% ของคนที่รักษาน้ำหนักไว้ได้นั้น กินอาหารเช้า
ขอขอบคุณข้อมูลจาก LISA
เทคนิคลดความอ้วนใน 42 วันเห็นผล รับประกันหุ่นเฟิร์ม
เฮ้อ ช่วงนี้หายใจไม่ค่อยจะทั่วท้องเลย ไม่ใช่เพราะเครียดหรือไปทำอะไรไม่ดีไว้หรอกนะคะ แต่เป็นเพราะรอบเอวที่เพิ่มขึ้นมาน่ะสิ แหม...ก็แค่ไปปาร์ตี้ปีใหม่กับเพื่อน ๆ ไม่กี่ครั้ง เผลอแป๊บเดียว ขยายใกล้จะถึงสามสิบแล้ว (ว้าก)
หากสาว ๆ คนไหน กำลังเสียจริตเหมือนอย่างข้างต้นนี้ อย่าเพิ่งวิตกกังวลไปค่ะ เพราะ WP มีวิธีกำจัดไขมันส่วนเกิน มาฝากกัน
Trick 1 : 7 วัน (แห่งการต่อสู้)
สัปดาห์แรกถือว่าเป็นสัปดาห์ที่หินมาก ๆ สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นลดน้ำหนัก เพราะคุณจะรู้สึกหิวอยู่ตลอดเวลา เห็นอะไรก็เผลอที่จะหยิบใส่ปากไม่ได้
WP Guide : วิธี ที่ดีที่สุดในการหยุดพฤติกรรมอันน่าเสี่ยงนี้ก็คือ ให้มุ่งความสนใจไปที่มื้อเช้า โดยพยายามกินมื้อเช้าให้เยอะเข้าไว้ เพราะนอกจากจะทำให้ท้องอิ่มได้นานแล้ว ยังช่วยให้แคลอรี่กับร่างกายไปใช้อีกตั้ง 350 แคลอรี่เชียวแน่ะ
Trick 2 : 14 วัน (แห่งการหงุดหงิด)
ระยะนี้คุณจะรู้สึกหงุดหงิดเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะขยับตัวไปทำอะไร ก็พานจะอารมณ์บ่จอยไปซะหมด ทั้งนี้เนื่องมาจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารของคุณ จากที่เคยกินอย่างพระราชา กลับกลายเป็นว่า ไอ้นั่นก็แตะไม่ได้ ไอ้นี่ก็แคลอรี่เยอะ จึงทำให้เกิดความเครียดและความกดดันตามมา จนคุณอาจรู้สึกหมดกำลังใจ ถึงขั้นหันหลังให้กับการไดเอ็ทไปตลอดชีวิตก็เป็นได้
WP Guide : วิธี ที่จะรับมือกับพายุอารมณ์ในช่วงนี้ก็คือ ให้เบี่ยงเบนความสนใจด้วยการหันหน้าเข้าหาเพื่อน ๆ พูดคุยปรึกษากันซะหน่อย ไม่แน่นะ คุณอาจจะปิ๊งไอเดียเจ๋ง ๆ ที่จะนำมาใช้ในการลดน้ำหนักต่อไปก็ได้
Trick 3 : 21 วัน (แห่งความอยาก)
ช่วงนี้คุณจะรู้สึกอยากกินอาหารมากขึ้น เพราะอยู่ในช่วงที่มีประจำเดือนพอดี เห็นอะไรก็อยากไปซะหมด
WP Guide : วิธี แก้ก็คือ ลองเปลี่ยนจากกินอาหารวันละ 3 มื้อ (เช้า กลางวัน เย็น) ไปเป็นแบ่งกินเป็นมื้อย่อย ๆ ประมาณ 4-6 มื้อดูสิคะ วิธีนี้จะช่วยให้ระดับน้ำตาลคงที่ สามารถขจัดความเหนื่อยล้า และช่วยทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นด้วยค่ะ
Trick 4 : ครบ 42 วัน น้ำหนักยังไม่ลด
หลังจาก 6 สัปดาห์ผ่านไป คุณจะรู้สึกว่าร่างกายเฟิร์มมากขึ้น มีกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น แต่ทำไม๊ ทำไม น้ำหนักยังไม่ลดลงซักที
WP Guide : WP ขอบอกว่าที่เป็นอย่างนี้ ก็เพราะปกติกล้ามเนื้อจะมีน้ำหนักมากกว่าไขมันอยู่แล้ว เพราะ 70% ของกล้ามเนื้อเป็นน้ำ ในขณะที่ไขมันมีน้ำแค่ 20% เท่านั้นเอง ฉะนั้น อย่าเพิ่งด่วนถอดใจไปซะก่อนค่ะ ให้คอนตินิวลดน้ำหนักอย่างนี้ต่อไปแหล่ะ และท่องเอาไว้ว่า ยิ่งมีกล้ามเนื้อมาก ก็ยิ่งเผาผลาญแคลอรี่ได้มาก แต่ถ้าคุณเกิดหมดแรงฮึดขึ้นมาจริง ๆ ให้นำยีนส์ตัวเก่งที่เคยใส่ไม่ได้แล้วมาลองสวมดูสิคะ หรืออาจจะส่องกระจกสำรวจดูตัวเองว่าไขมันตรงไหนลดไปบ้าง อาจจะช่วยเรียกกำลังใจกลับคืนมาได้นะ
เอ้า...ได้เคล็ดลับดี ๆ ไปแล้ว ก็อย่าลืมนำไปใช้กันนะคะ จะได้อวดหุ่นสวยให้ใคร ๆ ได้เห็นเร็ว ๆ ไงล่ะ
Diet Tips
สำหรับสาว ๆ ที่ตอนนี้กำลังหิวจนตาลายและเริ่มที่จะคว้าเค้กก้อนโตมากิน หยุดก่อนค่ะ คุณลองหันมากินผลไม้ข้างล่างนี้แก้หิวกันดูมั้ยคะ รับรองว่าเวิร์กกว่าเป็นไหน ๆ
แอปเปิ้ล
มีเพคตินช่วยลดความอยากอาหาร ลดน้ำหนัก และลดคอเลสเตอรอล ทานแอปเปิ้ล 1 ลูก จะช่วยลดความหิวได้ ถ้าทาน 2-3 ผลต่อวัน จะช่วยลดปริมาณโคเลสเตอรอลในกระแสเลือดได้
ถั่ว
ไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ที่พบมากในถั่ว จะช่วยเคลือบผิวกระเพาะ ทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว และอิ่มนานลดความอยากอาหารได้ดีเลยล่ะ
มะนาว
น้ำมะนาวคั้นสด ๆ 1 แก้ว ให้พลังงานเพียง 9 กิโลแคลอรี แถมยังมีวิตามินซีสูงมาก ช่วยป้องกันการเป็นหวัด ขับเสมหะ และแก้ไอได้ดีอีกด้วย
ส้ม
ควรรับประทานส้มโดยไม่คายกาก จะช่วยคุมน้ำหนักได้อีกวิธีหนึ่ง เพราะจะทำให้รู้สึกอิ่มท้องเร็ว
ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก womanplusonline
วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554
เชื่ออะไรผิดๆ แบบนี้...อ้วนมานักแล้ว
เรื่องเกี่ยวกับการลดน้ำหนักส่วนใหญ่ที่เราได้รับการบอกเล่าต่อๆ กันมา บางทีก็เป็นเรื่องเข้าใจผิด
ความเชื่อ : ยิ่งออกกำลังมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น
ความจริง : การออกกำลังเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาน้ำหนักตัว และทำให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้น แต่การออกกำลังสัปดาห์ละเจ็ดวันอาจทำให้เกิดผลในทางตรงกันข้ามได้ มันอาจทำให้ภูมิคุ้มกันคุณอ่อนแอลง ทำให้ข้อต่อต่างๆ ล้า และทำให้เราอ่อนแรง ถ้าคุณออกกำลังด้วยท่าทางที่ไม่ถูกต้องเนื่องมาจากความอ่อนล้า คุณก็จะเผาผลาญแคลอรีได้น้อยกว่าการออกกำลังอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันความอ่อนล้าจากการออกกำลัง ควรจัดวันสำหรับพักผ่อนอย่างน้อยหนึ่งวันในแต่ละสัปดาห์ และเปลี่ยนแปลงการออกกำลังไปเล็กน้อยในแต่ละครั้ง เช่น บริหารแขนวันหนึ่ง แล้วก็บริหารขาอีกวันหนึ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้กล้ามเนื้อชุดเดียวกันมากเกินไป
ความเชื่อ : กล้ามเนื้อหนักกว่าไขมัน
ความจริง : ถ้าคุณออกกำลังมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ตาชั่งบอกตัวเลขที่มากกว่าที่คุณอยากได้ คุณอาจอยากบอกตัวเองว่า "อืม มันก็น้ำหนักของกล้ามเนื้อ" เพราะกล้ามเนื้อหนักกว่าไขมันไม่ใช่หรือ? ก็ไม่ขนาดนั้นนะ กล้ามเนื้อหนึ่งปอนด์กับไขมันหนึ่งปอนด์ ก็คือหนึ่งปอนด์เท่ากัน แต่เพราะกล้ามเนื้อมีความหนาแน่นกว่าไขมัน การมีกล้ามเนื้อมากกว่าไขมันจึงทำให้คุณดูเพรียวกว่า และมันก็มีประโยชน์อื่นด้วย นั่นคือกล้ามเนื้อหนึ่งปอนด์เผาผลาญราว 50 แคลอรีต่อวัน ในขณะที่ไขมันหนึ่งปอนด์เผาผลาญแค่ 2 แคลอรีต่อวัน ฉะนั้น ยิ่งคุณมีไขมันน้อยเท่าไหร่ อัตราการเผาผลาญของคุณก็จะสูงเท่านั้น
ความเชื่อ : เมื่ออายุมากขึ้นก็เลี่ยงไม่ได้ที่น้ำหนักจะเพิ่มขึ้น
ความจริง : ไขมันส่วนใหญ่ไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่น้ำหนักมักเปลี่ยนไปจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การให้กำเนิดบุตร หรือกระดูกทีอ่อนแอลง ซึ่งคุณสามารถทำให้การเปลี่ยนแปลงช้าลงได้ด้วยการยกน้ำหนัก จากการศึกษาของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ สหรัฐฯ ผู้หญิงที่น้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน ซึ่งยกน้ำหนักเพียงแค่สัปดาห์ละสองครั้ง มีการสะสมของไขมันที่หน้าท้องเพิ่มขึ้นเล็กน้อย (7 เปอร์เซ็นต์ในช่วงสองปี) เมื่อเทียบกับคนไม่ได้ออกกำลัง (ซึ่งไขมันที่สะสมในหน้าท้องเพิ่มขึ้นถึง 21 เปอร์เซ็นต์ในช่วงสองปี) ยิ่งคุณยกน้ำหนักเร็วขึ้นเท่าไหร่ ก็จะยิ่งง่ายที่จะทำให้รอบเอวไม่เพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
ความเชื่อ : คุณต้องลดน้ำหนักอย่างมากเพื่อที่จะได้ประโยชน์ทางสุขภาพ
ความจริง : ถ้าคุณมีตัวเลขที่ต้องลดถึงสองหลัก อาจฟังดูน่ากลัว แต่การลดเพียงแค่ไม่กี่กิโลฯ ก็สามารถมีผลอย่างมากต่อสุขภาพของคุณแล้ว โดยน้ำหนักส่วนเกินทุกหนึ่งกิโลที่คุณลดลงได้ คอเลสเตอรอลของคุณจะลดลงโดยเฉลี่ย 3 จุด ผู้ชายและผู้หญิงสามารถลดความดันโลหิตลงได้หลังจากลดน้ำหนักเพียงแค่ 4-5 กก. ร่างกายของเราสามารถบอกได้เมื่อเราลดน้ำหนัก แม้มันจะเล็กน้อย แต่ร่างกายก็จะปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว
ขอขอบคุณ : นิตยสาร Lisa
ลดน้ำหนัก สูตรเด็ดบอกลา เซลลูไลท์
85% ของผู้หญิงตะวันตกเมื่อขยุ้มเนื้อขึ้นมาพบว่าจะเห็นรอยนูนๆ ที่เรียกว่า ผิวเปลือกส้มหรือเซลลูไลท์หรือที่รู้จักกันว่าก้อนเนื้อขรุขระที่อยู่รอบต้น ขาและก้น ตามทฤษฎีกล่าวว่าเซลลูไลท์เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงของไขมันที่สะสมอยู่ใต้ ผิวหนัง เมื่อชั้นบางๆของเนื้อเยื่อระหว่างเซลล์ไขมันเปลี่ยนเป็นเส้นๆและรวมตัวกัน อยู่รอบๆ ไขมัน เป็นสาเหตุให้เกิดรอยบุ๋มเล็กๆ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเซลล์ลูไลท์เล่นงานคุณแล้ว
ดูเหมือนเซลลูไลท์มีส่วนเกี่ยวพันอย่างแยกไม่ออกกับผลของฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะเอสโตรเจน ดังนั้นเมื่อระดับฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน เช่น ช่วงเริ่มมีประจำเดือนของวัยรุ่น ช่วงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในช่วงวัยทอง เหล่านี้ล้วนก่อให้เกิดเซลล์ลูไลท์มากขึ้น เรามาดูวิธีต่างๆ ที่ช่วยสลายเซลลูไลท์กันค่ะ
การควบคุมอาหาร
การหันไปทานอาหารที่มีไขมันต่ำ เช่น ผักและผลไม้ จะช่วยลดสารพิษและกำจัดไขมันที่จับตัวอยู่ในเนื้อเยื่อผิว ควรทานผักผลไม้สดและอาหารจำพวกโฮลเกรนมากๆ ห้ามเด็ดขาดสำหรับกาแฟ น้ำอัดลม บุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มน้ำมากๆ เป็น เพราะจะช่วยขจัดสารพิษที่ไม่พึงปรารถนาออกจากร่างกาย
การนวด
ไม่เพียงช่วยให้รู้สึกสบายตัวได้อย่างน่าอัศจรรย์เท่านั้น การนวดยังช่วยกำจัดเซลลูไลท์ด้วยการบีบกดกล้ามเนื้อ และกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตตลอดจนระบบน้ำเหลืองที่จะทำให้เนื้อเยื่อไขมัน แตกตัว โดยสามารถนวดเองได้ เริ่มจากนวดเบาๆที่ขาแต่ละข้างสัก 2-3 นาที เพื่อให้ไขมันแตกตัวและกำจัดสารพิษ หากต้องการนวดตั้งแต่หัวจรดเท้า ให้ใช้วิธีที่เรียกว่า Endermologie cellulite treatment เป็นเครื่องมือสำหรับดูดและกลิ้งบนผิวหนังเพื่อให้ผิวหนังกระชับ แต่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงค่ะ
การออกกำลังกาย
จะช่วยสูบฉีดออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย ทำให้เลือดไหลเวียนดี ช่วยให้ผิวที่เป็นลอนหยักขรุขระ ซึงเกิดจากเซลล์ลูไลท์หายไป ช่วยให้กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อรอบๆผิวที่เป็นลอนหยักกระชับแข็งแรงขึ้น เซลล์ลูไลท์หายไป
การปัดแปรงผิว
การใช้แปรงนวดหรือถุงมือขัดผิวเป็นประจำวันละ 2 นาที จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและสลายเซลลูไลท์ เริ่มจากเท้าและให้ปัดแปรงผิวในทิศทางที่มุ่งเข้าสู่หัวใจ
การห่อตัว
ส่วนใหญ่เราสามารถใช้บริการวิธีนี้ได้ตามสปา การห่อตัวจะใช้ผ้าเปียกที่มีส่วนผสมของสมุนไพรและสาหร่างทะเลที่จะช่วยให้ ผิวชุ่มชื่นมีชีวิตชีวา และขจัดสารพิษจากผิว โดยจะห่อตั้งแต่หน้าอกไปจนถึงนิ้วเท้า ทิ้งไว้หนึ่งชั่วโมง โดยสรรพคุณของแร่ธาตุที่อยู่ในผ้าห่อตัวจะทำหน้าที่สลายเซลลูไลท์ หลังจากเอาผ้าห่อตัวออกแล้วนวดจะช่วยให้โลหิตหมุนเวียนดีค่ะ
ที่มาจาก นิตยสาร Health plus
แผนไดเอต 5 วัน เพื่อลดน้ำหนัก 1.3 กก.
แผนไดเอต 5 วัน เพื่อลดน้ำหนัก 1.3 กก.
วันที่ 1
เช้า : ซีเรียล ผลไม้ สับผลไม้แห้ง 3 ลูกใส่ซีเรียล และนมสคิมมิลค์ 150 มล.
เที่ยง : ไก่กับขนมปังปิต้า ต้มไก่ไร้หนัง 50 กรัม ใส่ในขนมปังปิต้า ผักกาดแก้วและซอสพริก 1 ช้อนโต๊ะ
เสิร์ฟกับผักสลัด
เย็น : ปลาแซลมอนย่างกับมันฝรั่ง ย่างปลาแซลมอน 115 กรัม ต้มมันฝรั่ง 225 กรัม เลือกกินกับผัก
ได้ตามใจชอบ
ของว่าง : โยเกิร์ตถ้วยเล็ก 1 ถ้วย รสใดก็ได้
วันที่ 2
เช้า : ไข่ทอดน้ำกับขนมปังปิ้ง ไข่ 1 ลูกเสิร์ฟกับขนมปังโฮลวีตปิ้งทาสเปรดไขมันต่ำ 1 ช้อนโต๊ะ
เที่ยง : แฮมม้วนกับเนยมอซซาเรลลา หั่นแฮมรมควัน 50 กรัม **เนยแข็งมอซซาเรลลา 25 กรัมนำ
มาย่างให้เหลือง เสิร์ฟกับผักสลัด
เย็น : สลัด หั่นผักกาดแก้วคลุกกับถั่วต้ม 75 กรัม มะเขือเทศหั่น 2 ลูก มะกอกดำ 50 กรัม ทูน่ากระป๋อง
ในน้ำเกลือ 75 กรัม คลุกกับน้ำสลัดไร้ไขมัน เสิร์ฟกับขนมปังกรอบ 25 กรัม
ของว่าง : ลูกพีช 1 ลูก
วันที่ 3
เช้า : โยเกิร์ตกล้วย ปอกกล้วยลูกเล็กผสมโยเกิร์ต 150 กรัม กินกับขนมปังปิ้งโฮลวีตทาสเปรดไขมัน
ต่ำ1 แผ่น
เที่ยง : ขนมปังปิตต้ากับสลัด โฮลวีตปิตต้า เสิร์ฟกับสลัดได้ไม่อั้น
เย็น : ผัดผัก เลือกผักได้ตามใจชอบ ผัดกับน้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ เหยาะซีอิ๊ว 1 ช้อนโต๊ะ กินกับข้าว
สวย 50 กรัม
ของว่าง : ไอศกรีมวานิลลา 115 กรัม
วันที่ 4
เช้า : ครัวส์ซองต์ช็อกโกแลต แบบมินิ 1 อัน
เที่ยง : สลัดสามสี หั่นอโวคาโดหนึ่งเสี้ยว โรยเนยมอซซาเรลลา 40 กรัม มะเขือเทศ 1 ลุก
คลุกน้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำมะนาวคั้น กินกับขนมปังกรอบ 25 กรัม
เย็น : พิซซ่าผัก หั่นพริกหยวก 2 แว่น มะเขือเทศ 2 เสี้ยว เอาวางบนถาดอบ เหยาะน้ำมันมะกอก 1 ช้อน
โต๊ะอบในเตา 20 นาที เสิร์ฟกับสลัด
ของว่าง : ไอศกรีมวานิลลา 1 สคูป
วันที่ 5
เช้า : ไส้กรอกม้วน นำไส้กรอกวางบนขนมปังโฮลวีต ใส่มะเขือเทศฝาน 1 ชิ้นเหยาะซอสมะเขือเทศ
อีกนิดหน่อย
เที่ยง : มันฝรั่งอบ อบมันฝรั่งหัวขนาด 200 กรัม หยอดโยเกิร์ตไขมันต่ำ เสิร์ฟกับข้าวโพดหวานต้ม
และสลัดผัก
เย็น : ฟิชแอนด์ชิปส์ (ปลาและมันฝรั่งทอด) ย่างปลาค้อด 150 กรัม ทาสเปรดไขมันต่ำ หั่นมันฝรั่ง
200 กรัมให้ได้ 8 ชิ้น ทาน้ำมันมะกอกแล้วอบในเตา 20 นาทีเสิร์ฟกับผักสด
ของว่าง : แอปเปิ้ล 1 ลูก
หมายเหตุ
- เนยมอซซาเรลลา (mozzarella) เนยแข็งชนิดนุ่มของอิตาลี ทำจากนมวัว
- เนยเชดด้า (cheddar) เนยแข็งจากฟาร์มอังกฤษรสอร่อย มีสีเหลืองหรือสีส้ม
- ขนมปังปิตต้า (pitta) ขนมปังที่ใส่เชื้อฟูไม่มาก ลักษณะแบบกลวงตรงกลาง
- ซอสเพสโต ซอสสไตล์อิตาเลียน มีส่วนผสมของน้ำมันมะกอก น้ำมะนาว ผักชีฝรั่ง ใบกะเพราะ ฯลฯ
- รายการทั้งหมดนี้ สามารถหาซื้อได้ตามซูเปอร์มาร์เกตชั้นนำทั่วไปค่ะ
สูตรนี้คัดลอกมาจากนิตยสารสลิมมิ่งฉบับเดือนมกราคม
เทคนิค เคล็ดลับลดพุง ในหนึ่งเดือน คุณก็สามารถทำได้
ช่วงนี้ผมยังไม่ค่อยมีเวลาอัพเดทเนื้อหาส่วนตัว ขอนำทิปเด็ดๆ จากหลายๆที่มาใช้ก่อนนะครับ
รูปร่างอ้วนลงพุงไม่ใช่แค่ปัญหากวนใจ แต่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต การวิจัยพบว่าไขมันสะสมหน้าท้องนำมาซึ่งโรคมากมาย เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ เบาหวาน การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ รวมถึงมะเร็งด้วย หลายคนพยายามลดน้ำหนักแต่ก็ไม่สำเร็จ ลองสารพัดสูตรอาหารก็อาจเคยลดได้เร็ว แต่ก็กลับมาอ้วนลงพุงอีก เสียเงินไปกับการลดน้ำหนักซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งนี้เพราะไม่เข้าใจหลักการที่ถูกต้อง ซึ่งหากปฏิบัติอย่างถูกทาง การลดพุงภายในหนึ่งเดือนไม่ใช่เรื่องยากเลย
เริ่มต้นที่ตั้งใจ หลายคนมีความคิดแค่อยากผอมแต่ขาดความตั้งใจจริงจัง เมื่อเจอของชอบก็อดใจไม่ได้ ตามเคย ถ้าตั้งใจจริงว่า "จะทำในสิ่งที่ถูกต้องในการลดน้ำหนักเพื่อสุขภาพของตนเอง" ก็นับเป็นก้าวแรกของความสำเร็จในการลดน้ำหนักแล้ว
ตั้งเป้าหมาย การลดน้ำหนักโดยขาดเป้าหมายก็เหมือนการเดินทางโดยไม่รู้จุดหมาย เริ่มต้นจดบันทึกน้ำหนักตัวและรอบเอว และตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้ เช่น จะลดให้ได้สัปดาห์ละ 0.5 กิโลกรัม อย่าตั้งเป้าสูงหรือหักโหมเกินไป จะเป็นผลเสียต่อสุขภาพ
ลงมือทำ ด้วยเคล็ดลับในการปรับพฤติกรรมที่ผิดพลาดประจำวันต่อไปนี้ จะช่วยให้คุณลดพุงได้ง่ายขึ้น
เลิกอด ลดพุง
ฟังดูแปลก แต่เป็นความจริง หลายคนคิดว่าถ้าอยากผอมต้องอดอาหาร แต่เชื่อหรือไม่ ถ้าคุณอดมื้อเช้าหรือกินมื้อเช้าน้อย เช่น ขนมปังแผ่นเดียว กาแฟแก้วเดียว หรืออดมื้อเย็นสักระยะหนึ่ง อาจทำให้คุณน้ำหนักลดในช่วงแรก แต่จะกลับมาอ้วนได้ในหลัง เคล็ดลับการคุมน้ำหนักคือ "กินอาหารให้ครบ 3 มื้อ เน้นมื้อเช้ากินให้อิ่มและครบห้าหมู่ก่อน 9.00 น. กินมื้อเที่ยงตรงเวลา และสำคัญที่สุดคือการกินมื้อเย็นก่อน 18.00 น." คนที่กินมื้อดึกจะลงพุงได้ง่าย
เลือกสักนิด คิดก่อนกิน
บอกตัวเองว่าเพราะเราตามใจตัวเองจึงมีปัญหารูปร่างอย่างทุกวันนี้ ดังนั้นหากตั้งใจลดน้ำหนักจริง ๆ ต้องเริ่มเลือกของกินบ้าง เลี่ยงของทอด ของมัน ขนมขบเคี้ยว ควรงดเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลมาก เช่น น้ำอัดลม น้ำผลไม้ที่มีน้ำตาลมาก กาแฟ หรือช็อกโกแลตเย็น เครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ เพราะเพียง 1 แก้วใหญ่ก็ให้พลังงานเกินเท่ากับกินอาหารมื้อใหญ่ทีเดียว แต่ก็ไม่ต้องถึงกับหย่าขาดกับของชอบ คุณอาจกินของที่ชอบได้สัปดาห์ละหนึ่งครั้ง ในมื้อเช้าสุดสัปดาห์ก็ได้
หาตัวช่วย ที่ไม่ใช่ยาลดความอ้วน
เพราะอาจลดน้ำหนักได้เร็วในช่วงแรก แต่ส่งผลเสียรุนแรงต่อระบบประสาท และเกิดโยโย่กลับมาอ้วนยิ่งกว่าเดิมเมื่อหยุดยา ตัวช่วยที่ดีได้แก่ น้ำเปล่า ต้องดื่มบ่อย ๆ ให้ได้อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร (8-10 แก้ว) ไม่ใช่เพื่อให้อิ่มน้ำ แต่ร่างกายต้องใช้น้ำในการเผาผลาญไขมัน คนที่ดื่มน้ำน้อยจึงมีแนวโน้มอ้วนง่าย ผักสดก็เป็นตัวช่วยดูดซับไขมันในอาหารที่ดี ผลไม้อย่างฝรั่งหรือแอปเปิ้ลช่วยแก้หิวระหว่างมื้อได้ มีการใช้สารสกัดจากธรรมชาติบางชนิดเป็นตัวช่วยควบคุมน้ำหนัก เช่น สารสกัดไคโตซานจากเปลือกสัตว์ทะเล สาร HCA จากส้มแขก เพื่อสกัดกั้นไขมัน และสารสกัดจากถั่วขาว เพื่อสกัดกั้นแป้งจากอาหาร ทำให้คุณได้รับพลังงาน ส่วนกินจากอาหารลดลง หรือสารสกัดชาเขียวก็ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันสะสมให้เป็นพลังงาน โดยควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบว่าได้ผลและปลอดภัยจริง ใส่ใจอ่านฉลากผลิตภัณฑ์อีกนิดให้แน่ใจว่ามีตรา อย.รับรอง และไม่ควรมีส่วนผสมของครีมเทียมหรือน้ำตาล
นอนเร็ว ก็ผอมเร็ว
อีกเคล็ดลับคือ นอนเร็วแต่หัวค่ำ ไม่เกินสี่ทุ่มนอนหลับให้ได้ไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน จะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่ช่วยเผาผลาญพลังงาน แต่ถ้าคุณนอนดึก แม้จะนอนยาวตื่นสายร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้คุณหิวบ่อย กินเยอะ และสะสมไขมันมากขึ้น
แม้จะมีเคล็ดลับและตัวช่วยมากมาย แต่ผลสำเร็จก็ขึ้นกับความตั้งใจ อาจเพิ่มการออกกำลังกายอีกเพียงเล็กน้อย เช่น เดินต่อเนื่อง 30 นาที ก็จะช่วยให้ลดน้ำหนักได้เร็วยิ่งขึ้น ลองทำตามเคล็ดลับเหล่านี้อย่างจริงจัง ติดตามผลคืบหน้าทุก ๆ สัปดาห์ แล้วเตรียมพบกับรูปร่างใหม่ ชีวิตใหม่ ที่ไม่ลงพุงอึดอัดเหมือนเดิม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก HEALTH PLUS
วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2554
ลดน้ำหนักด้วยการ ออกกำลังแบบแอโรบิก ช่วยลดความอ้วนอย่างได้ผล
ช่วงนี้ผมยังไม่ค่อยมีเวลาอัพเดทเนื้อหาส่วนตัว ขอนำทิปเด็ดๆ จากหลายๆที่มาใช้ก่อนนะครับ
ถ้าคุณปรารถนาที่จะลดไขมันที่กระเพื่อมทั่วร่างกาย ทุกครั้งที่คุณเดิน วิ่ง หรือแม้กระทั่งเอื้อมมือโหนราว BTS ขอบอกไว้ก่อนว่า ถ้าคุณมีแต่ตัวกับหัวใจ แต่มีกระเป๋าเงินใบเล็กนิดเดียว ทางออกง่าย ประหยัด และได้ผลดีที่สุดคือ Aerobic workout ค่ะ หรือการออกกำลังกายเพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของเลือด ปอด หัวใจ (Cardiorespiratory fitness)
การ ออกกำลังกายแบบแอโรบิก คือ การเดิน (เร็ว ๆ) การวิ่ง ว่ายน้ำ กระโดดเชือก เต้นแอโรบิก ถีบจักรยาน เต้นรำ เป็นต้น และรวมไปถึงระบบต่าง ๆ ในร่างกายให้มีความแข็งแรง และควรจะบริหารร่างกายในลักษณะที่เป็นแอโรบิก (Aerobic exercise) 30 นาที/วันเป็นอย่างต่ำ อย่างน้อย 3-4 ครั้ง/สัปดาห์
สำหรับคนที่ไม่เคยออกกำลังกายใด ๆ ทั้งสิ้น ดิฉันขอแนะนำให้เริ่มนำการออกกำลังกายเข้ามาในชีวิตประจำวันค่ะ เช่น เวลาไปทำงาน ให้ลงรถห่างจากที่ทำงานอย่างน้อย 2-3 ป้าย ประมาณ 1 กม. น่าจะใช้เวลาประมาณ 10-15 นาทีคะ ขึ้นอยู่กับความเร็วนะคะ
ขอบอกว่าเดินช้า ๆ เดินทอดน่อง เดิน shopping ไม่สามารถทำให้คุณเผาผลาญไขมันได้ แต่ช่วยให้คุณมีสุขภาพแข็งแรงขึ้นได้ (ดีกว่าไม่ขยับไปไหนเลยค่ะ แต่จะดีกว่าไหม ถ้าเราเดินให้เร็วขึ้นประมาณคุยกับเพื่อนไม่ค่อยได้ เพราะเริ่มเหนื่อย)
ระดับความหนักของการออกกำลังกาย มีส่วนช่วยเผาผลาญไขมันค่ะ ถ้าออกกำลังกายหนักเกินไป ร่างกายจะเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต ถ้าเบาลงนิดจะเผาผลาญไขมัน แต่ถ้าเดินแบบเบามาก จนแทบไม่เหนื่อย ก็จะไม่ได้อะไร
การออกกำลังกาย ถ้าเบาเกินไปก็จะไม่มีผลต่อการฝึกปอดและหัวใจ ถ้าหนักเกินไปก็อาจเกิดอันตรายได้ เพราะหัวใจและปอดจะทำงานไม่ไหว
จะ รู้ได้อย่างไรว่าแค่ไหนหนักพอ...สังเกตง่าย ๆ ถ้าคุณเริ่มเหนื่อยจนพูดไปหอบไป หรือปลายมือจะเริ่มบวมและแดงเหมือนว่ามันพองขึ้น นั่นแหละแปลว่าอัตราการเต้นของหัวใจกำลังแรงพอที่จะเผาผลาญไขมัน
แต่ถ้าพูดตามตำราก็บอกว่า ให้ออกกำลังกายให้หัวใจเต้น 60-80% ของชีพจรสูงสุด (Maximum Heart Rate)
ชีพจรสูงสุด หรืออัตราเต้นสูงสุดของหัวใจเด็กทารกจะเท่ากับ 220 ครั้งต่อนาที และจะค่อย ๆ ลดลงตามอายุสามารถคำนวณได้ดังนี้
ชีพจรสูงสุดของแต่ละอายุ = 220 – อายุ
สมมุติว่าอายุ 30 ปี ต้องการออกกำลังกายที่ 60-80% ของชีพจรสูงสุด ก็คำนวณหาชีพจรสูงสุดของคนอายุ 30 ปี = 220 – 30 = 90 ครั้ง/นาที
เราต้องการออกกำลังกายที่ 60-80% ของชีพจรสูงสุดสามารถคำนวณได้ดังนี้
ชีพจรเป้าหมาย (Target Heart Rate) 60% =114 ครั้ง/นาที
ชีพจรเป้าหมาย (Target Heart Rate) 80% = 152 ครั้ง/นาที
คนที่เคยบ่นว่าออกกำลังกายตลอด แต่ไม่เห็นผอมสักทีคงเข้าใจนะคะว่าทำไม คุณต้องเดินให้เร็วและนานกว่าเดิมอีกนิด ถ้าอยากผอมค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Slim Up
สูตรลดน้ำหนักนี้เป็นสูตรที่สมเด็จพระเทพพระราชทานมา
ช่วงนี้ผมยังไม่ค่อยมีเวลาอัพเดทเนื้อหาส่วนตัว ขอนำทิปเด็ดๆ จากหลายๆที่มาใช้ก่อนนะครับ
สูตรลดน้ำหนักนี้เป็นสูตรที่สมเด็จพระเทพพระราชทานมา
วันที่ 1
เช้า - น้ำผลไม้คั้น หรือ โยเกิร์ต 1 ถ้วย
กลางวัน - ไข่ต้ม 2 ฟอง
เย็น - สลัดผัก
วันที่ 2
เช้า - น้ำผลไม้คั้น หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย
กลางวัน - ไข่ต้ม 2 ฟอง
เย็น - โยเกิร์ต 1 ถ้วย
วันที่ 3
เช้า - กาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย หรือ โยเกิร์ต 1 ถ้วย
กลางวัน - เกาเหลาลูกชิ้น 1 ชาม (เนื้อ, หมู)
เย็น - สับปะรด 1 ชิ้น
วันที่ 4
เช้า - น้ำผลไม้คั้น หรือ กาแฟและขนมปัง 1 แผ่น
กลางวัน - สลัดผักและไก่ย่าง 1 ชิ้น
เย็น - โยเกิร์ต 1 ถ้วย
วันที่ 5
เช้า - น้ำผลไม้คั้น หรือ กาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย
กลางวัน - ส้มตำและไก่ย่าง 1 ชิ้น
เย็น - สลัดผัก
วันที่ 6
เช้า - น้ำผลไม้คั้น หรือ กาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย
กลางวัน - ปลานึ่ง หรือ ปลาเผาไม่จำกัด
เย็น - นมสด 1 แก้ว
วันที่ 7
เช้า - ข้าว 1 ทัพพี และเนื้อ 1 ชิ้น หรือไข่ต้ม 1 ฟอง
กลางวัน - เกาเหลาลูกชิ้น 1 ชาม (เนื้อ, หมู)
เย็น - สับปะรด 1 ชิ้น
วิธีลดความอ้วนด้วยฮูล่าฮูป
วิธีการง่ายๆ โดยเริ่มจากการเตรียมอุปกรณ์ เพื่อให้ได้ผลดีที่สุดควรเลือกใช้ "ฮูล่าฮูป" ที่หนักราว 1.3 kg.คุณอาจใช้ "ฮูล่าฮูป" แบบธรรมดาก็ได้
แต่อาจจะไม่เห็นผลในแง่การออกกำลังอย่างชัดเจน เท่ากับการใช้ห่วงที่หนักสักหน่อย การออกกำลังกายด้วย "ฮูล่าฮูป" จะช่วยให้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ได้ทำงาน การไหลเวียนโลหิตเพิ่มมากขึ้นอัตราการ
นอกจากนี้ การเล่น "ฮูล่าฮูป" ยังกระชับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้อง และหลังส่วนล่างด้วยแถมยังส่งผลให้สะโพก เอว และก้น กระชับขึ้นอีกต่างหาก รับรองว่า คุณสาว ๆ ที่หันมาเล่น "ฮูล่าฮูป" จะได้ลดพุงลดไขมันส่วนเกินกันได้เป็นแถวๆ
การเต้นของหัวใจเพิ่มสูงขึ้น แถมยังช่วยให้เผาผลาญไขมันไปเป็นพลังงาน จึงช่วยให้ร่างกายมีน้ำหนักลดลงเพียงแค่เล่น "ฮูล่าฮูป" 30 นาที ก็สามารถเผาผลาญพลังงานได้มากถึง 200 แคลอรีเลยเชียวล่ะ
มาถึงขั้นตอนในเล่น "ฮูล่าฮูป"
1.ย่ำอยู่กับที่ 3 นาที เพื่อวอร์มอัพ
2.คล้องห่วงเข้ากับสะโพก และหมุนไปมา 3-5 นาที
3.ยืนแยกขาให้กว้างเท่าช่วงไหล่ ปลายเท้าชี้ออกด้านซ้ายเล็กน้อย จากนั้นวางห่วงบนพื้นข้างเท้าซ้าย จับส่วนบนของห่วงด้วยมือซ้าย ยกขาขวาขึ้นด้านข้างให้สูงระดับสะโพกหรือสูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในขณะเดียวกันกลิ้งห่วงออกให้ห่างตัว และยกแขนขวาขึ้นเหนือหัว ทำซ้ำ 12 ครั้ง แล้วเปลี่ยนไปอีกข้างหนึ่ง ทำซ้ำ 12 ครั้งเช่นกัน
4.หมุนห่วงรอบสะโพก 3-5 นาที
5.ยืนแยกขากว้างเท่าช่วงไหล่ ปลายเท้าชี้ตรงไปข้างหน้า สองมือจับห่วงไว้หน้าตัวแบบเดียวกับจับพวงมาลัยรถ และยกเท้าขวาขึ้นทางด้านข้างสองครั้ง ขณะที่หมุนห่วงไปทางด้านขวา จากนั้น ยกขาซ้ายขึ้นทางด้านข้าง 2 ครั้ง พร้อมกับหมุนห่วงไปทางซ้าย (ทั้งนี้นับเป็นหนึ่งครั้ง) ทำ 2 เซ็ต เซ็ตละ 12 ครั้ง
6.หมุนห่วงรอบสะโพก 3-5 นาที
7.ยืนแยกขากว้างเท่าช่วงไหล่ ปลายเท้าชี้ตรงไปข้างหน้า ถือห่วงไว้ในมือแบบเดียวกับจับพวงมาลัยรถ หมุนตัวไปข้างซ้ายเล็กน้อย และเหยียดแขนขวาข้ามไปจับด้านซ้ายของห่วง ขณะที่ทำท่านี้เขย่งปลายเท้าขวาขึ้นด้วยทำซ้ำอีกด้านหนึ่ง (ทั้งหมดนับเป็นหนึ่งครั้ง) ทำสองเซ็ต เซ็ตละ 12 ครั้ง
8.หมุนห่วงรอบสะโพก 3-5 นาที
9.นอนหงายบนพื้น ยกขาทำมุม 90 องศากับพื้น ถือห่วงไว้ในมือซ้าย และวางเท้าทั้งสองข้างแตะเบาๆ ที่ด้านล่างของห่วง เหยียดแขนขวาขึ้นเหนือศีรษะ พร้อมกับยกไหล่ขึ้นเหนือพื้นเล็กน้อย (พยายามอย่าให้บั้นเอวยกตามไปด้วย) และลดขาลงจนกระทั่งอยู่เหนือพื้นสองสามนิ้ว กลับสู่ท่าเริ่มต้นนับเป็นหนึ่งครั้ง ทำซ้ำ 2 เซ็ต เซ็ตละ 12 ครั้ง โดยเปลี่ยนมาเป็นข้างขวาในเซ็ตที่สอง
10.คูลดาวน์ด้วยการย่ำอยู่กับที่ 3 นาที (อย่าลืมยืดเส้นสายปิดท้ายสักหน่อยด้วย)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)